โรงงานอุตสาหกรรมและคลังสินค้าแต่ละประเภทนั้น มีการออกแบบระบบไฟฟ้าที่แตกต่างกันออกไป ต่างจากไฟฟ้าที่ใช้ในครัวเรือนทั่วไป นอกจากนี้ยังมีความพิเศษของไฟฟ้าโรงงานและคลังสินค้าก็ถือ ถึงจะเป็นโรงงานเดียวกันแต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีระบบไฟฟ้าเหมือนกันก็ได้ ซึ่งระบบไฟฟ้าเราคุ้นหูกันดีก็คือระบบไฟฟ้า 1 เฟส และ ระบบไฟฟ้า 3 เฟสนั้นเองครับ ในวันนี้เรามาทำความรู้จักกับระบบไฟฟ้าทั้งสองแบบว่า มีข้อแตกต่างกันอย่างไร และระบบไฟฟ้าโรงงานและคลังสินค้าจะต้องใช้แบบไหนกันครับ
ระบบไฟฟ้า 1 เฟส
ระบบไฟฟ้า เฟส1 เป็นระบบไฟฟ้าที่เราใช้กันทั่วไปในครัวเรือน โดยหลอดไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านส่วนใหญ่นั้นจะใช้ไฟฟ้ากระแสสลับ 1 เฟส แบบ 2 สาย และจะมีแรงดันอยู่ที่ 220 โวลต์ โดยสายไฟ 2 สายที่ใช้กันตามครัวเรือนนั้น สายหนึ่งจะเป็นสายที่กระแสไฟฟ้าไหลอยู่ (Current Line) ส่วนอีกสายจะเป็นสายที่เดินไว้เฉยๆ แต่ไม่มีกระแสไฟ (Neutral Line) ดังที่เราเห็นปลั๊กไฟทั่วไปในบ้านที่มีสองช่องก็เพื่อให้กระแสไฟฟ้าครบวงจรนั้นเองครับ ส่วนปลั๊กที่มีสามช่องจะเป็นส่วนของสายดิน (Ground) เพื่อให้กระแสไฟฟ้าไหลลงดินเวลาเกิดไฟรั่ว เป็นระบบเพื่อความปลอดภัยของการใช้ไฟฟ้าในบ้านนั้นเองครับ
ระบบไฟฟ้า 3 เฟส
ระบบไฟฟ้า 3 เฟส เป็นระบบไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส แบบ 4 สาย มีแรงดัน 380 โวลต์ โดยสายไฟ 3 จะเป็นสายที่กระแสไฟฟ้าไหลอยู่ (Current Line) ส่วนอีกสายจะเป็นสายที่เดินไว้เฉยๆ แต่ไม่มีกระแสไฟ (Neutral Line) ระบบไฟฟ้า 3 เฟส เป็นระบบที่โรงงานและคลังสินค้าต่างๆส่วนใหญ่ใช้กัน เพราะตามปกติแล้วในโณงงานและคลังสินค้ามักจะมีความต้องการใช้กำลังไฟมาก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักรขนาดใหญ่หรือการใช้ไฟฟ้าเพื่อระบบทำความเย็นและระบบแสงสว่าง ซึ่งจะต้องใช้กำลังไฟแรงดันสูง ส่วนการติดตั้งก็จะมีราคาสูงกว่าเนื่องจากมีทั้งค่าติดตั้งและค่าประกันไฟฟ้า จึงนิยมนำระบบไฟฟ้า 3 เฟส มาใช้ในโรงงานและคลังสินค้ามากกว่าการใช้งานในครัวเรือน แต่ในระยะยาวก็สามารถประหยัดค่าไฟได้มากกว่า อีกหนึ่งข้อดีของไฟฟ้า 3 เฟส ก็คือ สามารถที่จะต่อใช้แบบ 1 เฟสได้เช่นเดียวกัน ในส่วนที่ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังไฟสูง เช่น ส่วนสำนักงานโรงงานและคลังสินค้า เป็นต้น ระบบไฟ 3 เฟส จึงเป็นระบบไฟฟ้าที่คุ้มค่าสำหรับโรงงานและคลังสินค้า
จากที่เราได้กล่าวไป ทุกท่านคงเข้าใจความแตกต่างของระบบไฟฟ้าในแต่ละเฟสแล้วใช่ไหมครับ จะเห็นได้ว่าไฟฟ้าโรงงานและไฟฟ้าคลังสินค้า จะต้องใช้งานระบบไฟฟ้า 3 เฟส จึงจะเหมาะสมกว่า ถึงแม้จะมีค่าใช้จ่ายช่วงเริ่มต้นที่สูง แต่ในระยะยาวนั้นประหยัดกว่าและมีกำลังไฟเพียงพอสำหรับการใช้งานที่มากกว่า
ส่วนในออฟฟิศหรือสำนักงาน อาจจะติดตั้งระบบไฟแบบ 1 เฟสได้ ซึ่งหารติดตั้งระบบไฟฟ้า เราก็จะสามารถประเมินได้จากความเหมาะสมของการใช้งานในแต่ละส่วนได้ครับ เพราะการเลือกระบบไฟที่เหมาะสมจะช่วยประหยัดค่าไฟมากที่สุด และ ไปจนถึงความปลอดภัยในเรื่องของการใช้กำลังไฟในแต่ละขนาดอีกด้วยนั้นเองครับ
ที่มา:www.proindsolutions.com
