ค้นหา
เที่ยวจีนครั้งแรกไปไหนดี

เที่ยวจีนครั้งแรกไปไหนดี

เข้าสู่ช่วงปลายปีแล้ว และหลายๆคนที่กำลังมองหาที่เที่ยวช่วงใกล้จะปีใหม่ คงมีประเทศจีนเข้ามาเป็นตัวเลือกอยู่ในอันดับต้นๆ แต่หลายๆคนนั้นยังไม่เคยไปจีน และไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากจุดไหนดี เมืองไหนดี เพราะในความเป็นจริงนั้นประเทศจีนนับว่าเป็นประเทศที่กว้างใหญ่ มีที่เที่ยวมากมาย ซึ่งในแต่ละเมืองก็ยังมีระยะทางที่ห่างกันพอสมควร วันนี้เราจะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวจีนที่ผู้ไปเที่ยวจีนครั้งแรกต้องไปสัมผัส รับรองว่าไปแล้วจะได้ความประทับใจ และรูปภาพสวยๆกลับมาอย่างแน่นอน

เที่ยวชมเมืองหลวงและประวัติศาสตร์จีนที่ปักกิ่ง

เมืองแนะนำสำหรับการไปเที่ยวจีนครั้งแรกคือ ปักกิ่ง เพราะปักกิ่งนั้นเป็นเมืองหลวงของจีนที่ปัจจุบันมีความเจริญมาก สามารถเดินทางไปหลากหลายมีทั้งรถบัส และรถไฟฟ้าที่ครอบคลุมทุกแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ สำหรับค่าใช้จ่ายในการเดินทางนั้นก็ถือว่าไม่แพงเกินไป รวมไปถึงคนในเมืองปักกิ่งส่วนใหญ่ก็สามารถสื่อสารเป็นอังกฤษได้ด้วย 
ปักกิ่งเหมาะสำหรับคนที่อยากจะไปเที่ยวจีนแบบสบายๆ ไม่ยากลำบาก เดินทางสะดวก อาหารการกินที่พักหาง่าย ได้ดูวิธีชีวิตผู้คนในเมืองหลวง พร้อมกับได้ชมศิลปวัฒนธรรม และ ความยิ่งใหญ่อลังการของประวัติศาสตร์ของจีนได้อย่างเต็มที่ ปักกิ่งจึงถือเป็นเมืองที่ครบเครื่องสำหรับการไปเที่ยวจีนครั้งแรก

พระราชวังต้องห้าม

ปักกิ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมาย แต่สถานที่ท่องเที่ยวที่อยากจะแนะนำเป็นที่แรกเลยในปักกิ่ง ก็คือ พระราชวังต้องห้าม หรือเรียกอีกอย่างว่า พระราชวังกู้กง ซึ่งนับว่าเป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญ ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางใจเมืองของปักกิ่งถูกต้องตามหลักฮวงจุ้ย พระราชวังต้องห้ามถือว่าเป็นหนึ่งในพระราชวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกที่ต้องมาเยือนสักครั้ง และยังได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ยกให้เป็นมรดกโลก

สวนจิ่งซาน
ขอบคุณภาพจาก :

สวนจิ่งซาน

เสร็จจากการเที่ยวชมพระราชวังต้องห้ามแล้ว หากใครเริ่มเหนื่อยก็สามารถที่จะเข้ามาพักผ่อนได้ที่ สวนจิ่งซาน ซึ่งเป็นสวนที่มีขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านทิศเหนือฝั่งตรงข้ามของพระราชวังต้องห้าม สวนแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิงในเวลาไล่เลี่ยกับพระราชต้องห้ามภายในสวนจิ่งซานนั้นมีภูเขาสูงเป็นจำนวนถึง 5 ลูก ยอดที่อยู่ภายในสวนที่เรียกว่า ภูเขาจิ่งซาน มีความสูง 45.7 เมตร ภูเขาเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นหลักฮวงจุ้ยให้ภูเขาตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของราชวังต้องห้าม และนอกจากนี้เขาจิ่งซานยังช่วยป้องกันกระแสลมเหนือที่มาพร้อมกับความหนาวเย็นสู่พระราชวังอีกด้วย สาเหตุที่ต้องสร้างเขาเป็นจำนวน 5 ยอดนั้น คือเพื่อให้เป็นตัวแทนของธาตุ ดิน น้ำ ไม้ ไฟ และ ทอง บนยอดเขาแต่ละยอดจะมีสร้างศาลาไว้ ส่วนด้านล่างของสวนจิ่งซานนั้นมีขนาดที่กว้างขวาง มีต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มรื่น มีสวนดอกไม้ มีเขาวงกต มีสวนหิน และ แท่นจารึกต่างๆให้นักท่องเที่ยวได้เที่ยวชมอย่างจุใจ 

จัตุรัสเทียนอันเหมิน

จัตุรัสเทียนอันเหมิน

ถัดจากสวนจิ่งซานไปเราจะต่อกันที่ จัตุรัสเทียนอันเหมิน ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากพระราชวังต้องห้าม จัตุรัสแห่งนี้นับว่าเป็นหนึ่งสัญลักษณ์ที่สำคัญอีกหนึ่งอย่างของประเทศจีน มีบริเวณที่กว้างขวางถึง 440,000 ตร.ม. โดยสามารถจุประชากรได้กว่า 1 ล้านคน ที่ผ่านมาจึงได้เป็นสถานที่จัดพิธีที่สำคัญในโอกาสสำคัญต่างๆนอกจากนี้ยังมีร่องรอยที่แสดงถึงเหตุการณ์ทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของจีนด้วยอีกด้วย ภายในจัตุรัสเทียนอันเหมินนั้นมีสถานที่ให้เยี่ยมชมมากมายประกอบด้วย อนุสาวรีย์วีรชน คือเสาหินแกรนิตสูงใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงใจจัตุรัสเอง ซึ่งสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1952 เพื่อเป็นการรำลึกถึงการต่อสู้ของประชาชนชาวจีนในการรวมเป็นสาธารณรัฐ โดยบริเวณรอบฐานจะมีภาพสลักเรื่องราวการปฏิวัติจีน รวมไปถึงลายมือของ เหมา เจ๋อ ตุง สลักเอาไว้บนเสาด้วย ต่อไปเป็น ตึกอนุสรณ์สถาน เหมา เจ๋อ ตุง อนุสรณ์สถานที่ระลึกถึงเหมา เจ๋อ ตุง สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากมาเคารพศพ ของเหมาะ เจ๋อ ตุง โดยต้องใช้เวลาต่อคิว เพื่อเข้าชมนานพอสมควร ขึ้นอยู่กับจำนวนนักท่องเที่ยวในแต่ละวัน ในส่วนของด้านข้างอาคารทั้ง 4 ทิศ ก็จะมีรูปปั้นของเหล่าวีรชนซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่ร่วมกันสร้างชาติจีนอยู่ ส่วนนี้คือพลาดไม่ได้เลยก็คือ ประตูเฉียนเหมิน ซึ่งเป็นซุ้มประตูที่ตั้งอยู่ทางใต้สุดของจัตุรัสเทียนอันเหมิน มีอายุกว่า 500 ปี เดิมทีใช้เป็นประตูหลักของขบวนพระจักรพรรดิเวลาเสด็จเข้า-ออก จากพระราชวังต้องห้าม ด้านบนเป็นหอคอยสูงขึ้นเมื่อรวมกับฐานซุ้มประตูจะมีความสูงถึง 42 เมตร จึงถือเป็นซุ้มประตูที่สูงที่สุดในปักกิ่ง นอกจากนี้ยังมี พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และการปฏิวัติ ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของจัตุรัสเทียนอันเหมิน สร้างในปี ค.ศ. 1959 เป็นที่เก็บรักษาและแสดงสิ่งของโบราณกว่า 900 ชิ้น และมาถึงจุดที่ทุกคนนิยมมาถ่ายรูปมากที่สุดคือ ประตูเทียนอันเหมิน คือพลับพลาสีแดงที่มีรูปภาพขนาดใหญ่ของ เหมา เจ๋อ ตุ๋ง เหนือซุ้มประตูเทียนอันเหมิน

พระราชวังฤดูร้อนอี้เหอหยวน
ขอบคุณภาพจาก : 

พระราชวังฤดูร้อนอี้เหอหยวน

หากใครเริ่มเบื่อกับการเที่ยวชมในเมือง แล้วอยากจะเปลี่ยนบรรยากาศไปดื่มดำกับธรรมชาติ ถัดออกไปหน่อยจากใจกลางเมืองหลวงจะมีแลนด์มาร์คสำคัญอีกที่ก็คือ พระราชวังฤดูร้อนอี้เหอหยวน ซึ่งเป็นอีกตัวเลือกที่ห้ามพลาดในทริปนี้ พระราชวังนี้ประกอบไปด้วยตำแหน่งหลากหลายหลัง อาทิตเช่น ตำหนักเล่อโช่วถาง ตำหนักเหวินโซ่วเตี้ยน ตำหนักอวี่หลันเตี้ยน และ ตำหนักอี้เล่อเตี้ยน

พระราชวังฤดูร้อนหยวนหมิงหยวน

ไม่ไกลจากพระราชวังฤดูร้อนอี้เหอหยวนนั้นมีพระราชวังฤดูร้อนเดิมที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้จัก นั้นคือ พระราชวังฤดูร้อนหยวนหมิงหยวน ซึ่งปัจจุบันนี้ยังไม่ได้รับการบูรณะกลับขึ้นมาใหม่ให้สวยงามเหมือนพระราชวังฤดูร้อนอี้เหอหยวน บางคนอาจจะมองว่าที่นี้ไม่เหลืออะไรแล้ว เพราะสิ่งก่อสร้างถูกเผาทิ้งทำลายหมด แต่ที่นี้ก็ยังมีสวนที่กว้างใหญ่และร่มรื่นสามารถเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจได้ดี  ซึ่งจะเหมาะกับคนที่ชอบความสงบ และอยากมาดูร่องรอยประวัติศาสตร์จีน

กำแพงเมืองจีน

มาถึงแลนด์มาร์คสำคัญที่สุดและห้ามพลาดโดยเด็ดขาดนั้นก็คือ กำแพงเมืองจีน ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่ากำแพงเมืองจีนนั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในจีนที่ไม่ได้แปลกใหม่อะไร แต่จะขอบอกเลยว่าสำหรับคนที่ไปเที่ยวจีนในครั้งแรก กำแพงเมืองจีนเป็นหนึ่งในลิสต์ที่จะต้องไปสัมผัสความยิ่งใหญ่ด้วยตัวเองสักครั้ง เพราะกำแพงเมืองจีนนั้นเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง และยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์กรยูเนสโกในปี ค.ศ. 1987 ถ้าได้ไปเห็นของจริงจะรู้เลยว่ายิ่งใหญ่มาก ซึ่งกำแพงเมืองจีนนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ เพื่อป้องกันการบุกรุกของชาวฮั่นและก๊กต่างๆ ในสมัยนั้น โดยใช้หินหลายชนิดเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง ซึ่งในแต่ละด่านจะถูกสร้างโดยวัสดุที่แตกต่างกันออกไป 

ขอบคุณภาพจาก : http://wiboonman.blogspot.com/2009/06/2.html

พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งราชวงศ์หมิง

ที่ต่อไปที่เราอยากจะแนะนำให้ไปเที่ยวนั้นก็คือ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งราชวงศ์หมิง ที่นี่เหมาะกับคนที่มีเวลาเหลือและชอบประวัติศาสตร์และที่นี้จัดแสดงประวัติและผลงานตั้งแต่เริ่มก่อตั้งราชวงศ์หมิง เราจะได้เห็นวันที่ราชวงศ์หมิงเจริญรุ่งเรื่องที่สุด ไปจนถึงวันที่ราชวงศ์หมิงล่มสลาย พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นอาคารชั้นเดียว เราสามารถเดินชมหุ่นขี้ผึ้งที่เล่าเรื่องราวในแต่ละฉากของราชวงศ์หมิง รวมทั้งสิ้นถึง 26 ฉาก ในแต่ละฉากนั้นมีความสมจริง และมีคำบรรยายให้ทราบถึงความเป็นมาของฉากนั้น สามารถที่จะเรียนรู้ถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์และความเป็นมาของจีนได้เป็นอย่างดี 

Website ของเรานั้น ได้รวบรวมข้อมูลรายชื่อบริษัทต่างๆที่ให้บริการวีซ่าเป็นจำนวนมาก คุณสามารถเข้าไปสอบถามข้อมูลการให้บริการต่างๆเกี่ยวกับวีซ่ากับบริษัทที่คุณสนใจได้ด้วยโดนตรงครับ 

ที่มา: www.tumvisa.com

แชร์บทความ หรือข่าวสาร

Facebook
Line
Mail