บทความ ผลิตบรรจุภัณฑ์

เรื่องราวดีๆ ที่เราคัดสรรมาบอกคุณ

ความสำคัญของแพคเกจจิ้งสกินแคร์ในแต่ละชนิดที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน
  • 04-04-23
  • 235

ออกแบบแพคเกจจิ้ง แพคเกจจิ้งสกินแคร์ กระปุกแก้ว กระปุกพลาสติก กระปุกสุญญากาศ หลอดพลาสติก หลอดอลูมิเนียม หลอดที่มาพร้อมกับหัวปั๊ม ขวดแก้ว ขวดพลาสติก บรรจุแพคเกจจิ้งสกินแคร์ ความสำคัญของแพคเกจจิ้งสกินแคร์ในแต่ละชนิดที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน การออกแบบแพคเกจจิ้งให้เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ ต่อการใช้งานและยืดอายุประสิทธิภาพของสกินแคร์เอง นอกจากนี้ ส่วนผสมบางชนิดของสกินแคร์ยังต้องได้รับการป้องกันจากปัจจัยภายนอก เช่น สกินแคร์บางชนิดหากได้รับออกซิเจนจากอากาศภายนอกมากเกินไป จะทำให้อายุการใช้งานลดลง ดังนั้น การมีแพคเกจจิ้งแบบเหมาะสม จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการใช้งานสกินแคร์ในระยะยาวนั่นเอง วันนี้ทาง At-Once จึงได้ทำการแพคเกจจิ้งแต่ละประเภทมาให้ดูกัน ประเภทของแพคเกจจิ้ง 1. Jar แบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ • กระปุกแก้ว (Glass Jar) กระปุกแก้วเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการใช้ในอุตสาหกรรมสกินแคร์เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ การใช้กระปุกแก้วยังช่วยลดการใช้พลาสติกที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถรีไซเคิล และนำกลับมาใช้ใหม่ได้โดยไม่เสียคุณภาพ การเก็บสินค้าสกินแคร์ในกระปุกแก้วยังช่วยในการป้องกันการสกปรกและการสกัดสารเคมีจากพลาสติกที่สามารถเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ กระปุกแก้วยังช่วยในการคงความชื้นของผลิตภัณฑ์ได้ดีกว่าพลาสติก ซึ่งทำให้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น • กระปุกพลาสติก (Plastic Jar) กระปุกพลาสติกเป็นตัวเลือกที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมสกินแคร์ เนื่องจากมีความสะดวกในการใช้งาน น้ำหนักเบา และราคาถูกกว่ากระปุกแก้ว โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีขนาดเล็ก การใช้กระปุกพลาสติก PET สามารถรีไซเคิลและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และมีความทนทานต่อแสงแดด อุณหภูมิ และออกซิเจนภายนอก ซึ่งช่วยในการป้องกันการทำลายของสกินแคร์และช่วยให้สินค้าคงความสดใหม่ได้นานขึ้น อย่างไรก็ตาม กระปุกพลาสติกยังเป็นวัสดุที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อม เพราะใช้เวลานานในการย่อยสลาย • กระปุกสุญญากาศ (Airless Jar) กระปุกสุญญากาศเป็นแพคเกจจิ้งที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์คงคุณภาพได้ยาวนาน โดยมีหัวปั๊มที่อยู่ด้านบนของแพคเกจจิ้ง และมีช่องว่างภายในกระปุก ทำให้ผลิตภัณฑ์ออกมาได้ในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละครั้ง และไม่สัมผัสกับอากาศภายนอก ซึ่งช่วยป้องกันไม่ให้เนื้อผลิตภัณฑ์สกินแคร์เสื่อมสภาพ หรือปนเปื้อนจากสิ่งสกปรกภายนอก เช่นเดียวกับการป้องกันการสัมผัสกับแสงแดด และออกซิเจนภายนอก ที่อาจทำให้สกินแคร์สูญเสียประสิทธิภาพได้ ดังนั้น กระปุกสุญญากาศเป็นแพ็คเกจจิ้งที่ได้รับความนิยมในวงการสกินแคร์มากขึ้น เนื่องจากคุณสมบัติและประโยชน์ที่มีให้กับผู้ใช้งาน 1. Tube • หลอดพลาสติก (Plastic Tube) หลอดพลาสติกมีความทนทานต่อการแตกหักดีกว่ากระปุกพลาสติก ทำให้เหมาะสำหรับการขนส่งและเก็บรักษาสินค้าที่ต้องการความปลอดภัยจากการชนหรือการกระแทกที่รุนแรง นอกจากนี้ หลอดพลาสติกยังสามารถใช้ซ้ำได้หลายครั้ง โดยไม่เสียคุณสมบัติ เนื่องจากมีความหลากหลายของขนาดและรูปทรงที่เหมาะสมกับการใช้งานต่างๆ ทั้งในงานอุตสาหกรรม การแพคสินค้า หรือในการใช้งานในบ้าน เช่น การเก็บเครื่องสำอาง ดังนั้น หลอดพลาสติกเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมสูงเนื่องจาก มีความสะดวกสบายในการใช้งาน ความทนทาน และความหลากหลายในการใช้งานต่างๆ โดยนิยมนำมาใช้มากที่สุด เพราะมีน้ำหนักเบาเมื่อเทียบกับกระปุกพลาสติก พกพาง่าย ใช้สะดวก ไม่หกไม่เลอะ รักษาความสะอาดของเนื้อผลิตภัณฑ์ได้นาน เพราะไม่ต้องใช้นิ้วจุ่มลงไปในผลิตภัณฑ์เหมือนกับแบบกระปุก • หลอดอลูมิเนียม (Aluminum Tube) หลอดอลูมิเนียมยังมีความทนทานต่อสารเคมีและอุณหภูมิที่สูงกว่าหลอดพลาสติก ทำให้เหมาะสำหรับการบรรจุภัณฑ์สินค้าที่มีความเสี่ยงต่อการเสียหายจากการสัมผัสกับสารเคมีหรือการอบแดดร้อน เช่น ครีมกันแดดหรือยาสีฟัน นอกจากนี้ หลอดอลูมิเนียมยังมีความสวยงามและมีความละเอียดอ่อนในการพิมพ์ภาพหรือข้อความ ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในการแพคสินค้าที่ต้องการลักษณะการแสดงผลที่สวยงามและมีคุณภาพสูง นอกจากนี้ หลอดอลูมิเนียมยังมีความสามารถในการป้องกันการเปื้อนของอากาศเข้าไปในภายในบรรจุภัณฑ์ได้ดีกว่าหลอดพลาสติก ทำให้สินค้าภายในคงความสดใหม่ได้นานขึ้น ดังนั้น หลอดอลูมิเนียมเป็นวัสดุที่มีความสามารถทางเทคนิคและความสวยงามในการใช้งานบรรจุภัณฑ์สินค้าให้สูงมากกว่าหลอดพลาสติกในบางกรณี • หลอดที่มาพร้อมกับหัวปั๊ม (Tube With a Pump) หลอดที่มาพร้อมกับหัวปั๊ม เป็นบรรจุภัณฑ์ที่มีความสะดวกสบายและมีประโยชน์ในหลายด้าน เช่น การใช้งานที่สะดวกสบาย เพราะสามารถกดใช้ได้จนหมดเกลียวมากกว่าหลอดที่ไม่มีหัวปั๊ม ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้หลายครั้ง โดยไม่ต้องเสียเวลาและพลังงานในการกดบรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้ หัวปั๊มยังช่วยในการรักษาความสะอาดของบรรจุภัณฑ์เพราะไม่ต้องสัมผัสกับเนื้อผลิตภัณฑ์โดยตรง ทำให้ลดโอกาสที่จะเป็นเชื้อโรคหรือแบคทีเรียที่อาจมาจากมือของผู้ใช้ อีกทั้ง หัวปั๊มยังช่วยป้องกันความชื้นภายนอกจากอากาศซึ่งอาจเข้าไปทำให้บรรจุภัณฑ์เสียหายหรือมีเราสมบัติที่ลดลง ดังนั้นหลอดที่มาพร้อมกับหัวปั๊มเป็นบรรจุภัณฑ์ที่มีประโยชน์และสามารถช่วยให้ผู้ใช้สะดวกสบายในการใช้งานได้มากยิ่งขึ้นข้อดีของบรรจุภัณฑ์ชนิดนี้คือสามารถกดใช้ได้จนหมดเกลี้ยงมากกว่าแบบอื่น แถมช่วยรักษาความสะอาดด้วยการกดที่บริเวณหัวปั๊ม โดยที่นิ้วมือของเราไม่ต้องสัมผัสกับเนื้อผลิตภัณฑ์โดยตรง พร้อมป้องกันความชื้นที่เกิดจากอากาศภายนอกที่จะเข้าไปทำให้อายุการใช้งานลดลงด้วย ส่วนมากจะใช้กับผลิตภัณฑ์ในรูปแบบเนื้อครีมอย่างมอยส์เจอไรเซอร์, เคลนเซอร์, ครีมกันแดด, อายครีม, สครับ, มาสก์, บอดี้ครีม และแฮนด์ครีม 2. Bottle • ขวดแก้ว (Glass Bottle) และ ขวดพลาสติก (Plastic Bottle) มักนิยมใช้กับผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อสัมผัสแบบน้ำเหลวๆ อย่างโทนเนอร์ เอสเซนส์ สามารถเทลงบนมือหรือสำลีแล้วใช้กับใบหน้าได้เลย หรือแม้แต่ผลิตภัณฑ์ที่เป็นเนื้อครีมก็สะดวกต่อการใช้ ซึ่งขวดทั้งสองประเภทนี้ก็จะมีทั้งแบบใสและแบบทึบ ซึ่งแบบทึบหรือขวดสีชามักนิยมใช้กับสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) อย่างวิตามิน C และ Retinol เพราะสารจำพวกนี้จะสลายตัวได้ง่ายเมื่อโดนแสงแดด ความร้อน ความชื้น ขวดสีชาสามารถช่วยป้องกันได้ • ขวดที่มาพร้อมกับหลอดหยด (Bottle With a Dropper) ขวดที่มาพร้อมกับหลอดหยด เป็นแบบบรรจุภัณฑ์ที่นิยมใช้ในสินค้าสกินแคร์ เช่น เซรั่ม หรือ บูสเตอร์ เพราะสามารถควบคุมปริมาณการใช้งานได้ง่าย และสามารถใช้ต่อไปได้หลายครั้งจนกว่าสารฯ จะหมดหรือใช้ได้ตามความต้องการ นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันการสัมผัสสารสกัดหรือสารอื่นๆ ที่อาจจะไม่เหมาะสมกับผิวหน้า เช่น ความเข้มข้นของสารสกัดที่ไม่เหมาะกับผิวหน้า และช่วยลดการสัมผัสโดยตรงระหว่างผู้ใช้งานกับสารฯ ซึ่งทำให้เป็นการบริหารจัดการความสะอาดและป้องกันการติดเชื้อในสินค้าสกินแคร์ด้วย • ขวดที่มาพร้อมกับหัวปั๊ม (Bottle With a Pump) ขวดที่มาพร้อมกับหัวปั๊ม เป็นแพคเกจจิ้งที่มีขนาดใหญ่และมีปริมาณสูง ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องใช้ในปริมาณมาก เช่น โลชั่นล้างหน้า โลชั่นบำรุงผิวหน้า หรือโลชั่นสำหรับสุขภาพผิวหนัง เนื่องจากมีความสะดวกในการใช้งานและใช้งานได้มากกว่าแพคเกจจิ้งประเภทอื่น ๆ ซึ่งมีหัวปั๊มที่ช่วยให้สามารถกดใช้งานได้ง่าย เพราะไม่ต้องเสียเวลาเปิดฝาและเทในแต่ละครั้งเหมือนกับขวดอื่นๆ โดยข้อดีนี้สามารถช่วยให้ป้องกันการสูญเสียคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ที่มีสารอาหารสูงหรือแสงแดด โดยการป้องกันการติดเชื้อของโรคและเก็บเวลาอย่างมากกว่าขวดที่ไม่มีหัวปั๊ม นอกจากนี้ ยังช่วยลดความเสียหายและความชื้นที่อยู่ภายนอกขวดได้เช่นกัน เมื่อเราเห็นความสำคัญของการบรรจุแพคเกจจิ้งสกินแคร์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์แบบใด แต่สิ่งที่สำคัญ คือการเก็บรักษาเนื้อครีมให้ห่างจากอากาศและแสงแดด เนื่องจากอาจเป็นต้นเหตุของการสะสมเชื้อโรค แบคทีเรีย และการทำลายคุณค่าของส่วนผสมนั้นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการดูแลผิวพรรณของเราเอง หวังว่าบทความนี้จะช่วยเพิ่มความเข้าใจให้กับสาวๆ หากมีคำถามเพิ่มเติมหรือต้องการใช้บริการผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ประเภทต่างๆ สามารถเข้ามายัง Website เพื่อติดต่อบริษัทนั้นๆ หรือสามารถติดตามข่าวสารที่น่าสนใจได้ผ่านช่องทาง Facebook ที่ให้บริการโดยตรงของทาง At-Once เนื่องจากเราได้ทำการรวบรวมรายชื่อบริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจบริการออกแบบบรรจุภัณฑ์โดยเฉพาะ ซึ่งมั่นใจได้เลยว่าธุรกิจของคุณจะได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างแน่นอน https://www.vogue.co.th/beauty/skincare-interview-biologique-recherche-bangkok-philippe-allouche

7 สัญลักษณ์ในขวดพลาสติก ที่ช่วยให้คุณคัดแยกขยะได้ง่ายขึ้น
  • 04-04-23
  • 337

ขวดพลาสติก 7 สัญลักษณ์ในขวดพลาสติก ที่ช่วยให้คุณคัดแยกขยะให้ง่ายขึ้น การรักษาสิ่งแวดล้อมและลดปริมาณขยะเป็นเรื่องสำคัญในปัจจุบัน ซึ่งมีหลายวิธีในการเข้าร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น การลดใช้ถุงพลาสติก การนำขวดพลาสติกกลับมาใช้ใหม่ การเลือกใช้สินค้าที่มีผลกระทบน้อยที่สุด และการรักษาสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ ไม่เพียงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยประหยัดทรัพยากรธรรมชาติและลดค่าใช้จ่ายในการผลิตสินค้าด้วย ฉะนั้น วันนี้ทาง At-Once เลยถือโอกาสอยากชวนทุกท่านมาเริ่มลงมือสำรวจขยะพลาสติกที่เราใช้ว่ามีพลาสติกใช้แล้วทิ้งมีประเภทใดบ้าง ซึ่งวิธีการนี้ ถือเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เรารู้ว่าพลาสติกที่เราใช้ มีความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมเพียงใด ซึ่งทางเราได้รวบรวมการแบ่งประเภทพลาสติก โดยใช้หมายเลขบอกว่าพลาสติกในแต่ละชนิด ว่าสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้หรือไม่ เพื่อให้ทุกท่านง่ายต่อการคัดแยกขยะนั่นเอง รูปแบบการแบ่งประเภทพลาสติกทั้ง 7 หมายเลข การแบ่งประเภทพลาสติกตามหมายเลขความสามารถในการกลับมาใช้ซ้ำ (Resin Identification Code) นั้นมีทั้งหมด 7 หมายเลขดังนี้ 1. สัญลักษณ์เบอร์ 1 - PETE (Polyethylene Terephthalate) พลาสติกประเภท PETE (Polyethylene Terephthalate) มักใช้สำหรับการผลิตขวดพลาสติกใสๆที่มีความโปร่งใสและมองทะลุได้ เช่น ขวดน้ำเปล่า ขวดน้ำอัดลม ขวดน้ำมันพืช และขวดเครื่องปรุงอาหาร สัญลักษณ์เบอร์ 1 และ PET จึงเป็นสัญลักษณ์ที่คุ้นเคยและนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายเมื่อเราพูดถึงพลาสติกประเภทนี้ค่ะ 2. สัญลักษณ์เบอร์ 2 - HDPE (High-Density Polyethylene) พลาสติกประเภท HDPE (High-Density Polyethylene) มีความหนาแน่นสูงกว่า PETE จึงทำให้มีความทนทานและเหนียวแน่นมากกว่า โดยทั่วไปมักใช้ในการผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติกสีขาว หรือสีอื่นที่เป็นสีทึบ เช่น ขวดนม ขวดแชมพู ขวดน้ำยาปรับผ้านุ่ม ผลิตภัณฑ์ซักผ้า กระปุกยา และอื่นๆ สัญลักษณ์เบอร์ 2 และ HDPE/HD-PE จึงเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้ระบุประเภทของพลาสติกนี้ 3. สัญลักษณ์เบอร์ 3 - PVC (Polyvinyl Chloride) หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า พีวีซี พลาสติกประเภท PVC (Polyvinyl Chloride) เป็นวัสดุที่มีการใช้งานอย่างกว้างขวางในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น พวกของเล่นเด็ก ผ้าม่านห้องน้ำ แฟ้มใส่เอกสาร บัตร หลอดพลาสติกแบบแข็ง ล้วนผลิตจากพีวีซีทั้งสิ้น โดยพลาสติกประเภทชนิดมีคุณสมบัติที่หลากหลาย เช่น คงทนต่อแสงแดด ความร้อน ความเย็น และความชื้น แต่ในเวลาเดียวกัน พลาสติกชนิดนี้ก็มีความเสี่ยงต่อสุขภาพเราและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีสารประกอบคลอรีนเป็นองค์ประกอบ หากเมื่อตกค้างในสิ่งแวดล้อม จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ได้ ดังนั้น ควรมีการใช้งานพลาสติกชนิดนี้อย่างระมัดระวัง และมีการทำความสะอาดหรือกำจัดเศษพลาสติกอย่างถูกวิธี เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ในอนาคต 4. สัญลักษณ์เบอร์ 4 - LDPE (Low-Density Polyethylene) พลาสติกประเภท LDPE (Low-Density Polyethylene) เป็นวัสดุพลาสติกที่มีความยืดหยุ่นสูง และมีความอ่อนนุ่ม เหมาะสำหรับผลิตสินค้าที่ต้องใช้ความยืดหยุ่น เช่น ถุงพลาสติกมีหูหิ้ว หลอดพลาสติก และพลาสติกแรปห่ออาหาร ทำให้สามารถป้องกันการเปียกชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ LDPE ยังมีคุณสมบัติที่ทนทานต่อสารเคมี และมีราคาที่เป็นมิตรกับงบประมาณด้วย 5. สัญลักษณ์เบอร์ 5 - PP (Polypropylene) พลาสติกประเภท PP (Polypropylene) เป็นพลาสติกแข็งที่มีความทนทานต่อความร้อนและเครื่องหมายว่ามีความปลอดภัยสำหรับการใช้งานกับอาหาร เช่น ถ้วยโยเกิร์ต ถ้วยบะหมี่ เป็นต้น นอกจากนี้ พลาสติกประเภท PP ยังมีความยืดหยุ่นและทนทานต่อการแตกหัก เหมาะสำหรับการใช้งานในการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารที่ต้องการความคงทนและคงรูปทรงด้วยความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคด้วย 6. สัญลักษณ์เบอร์ 6 - PS (Polystyrene) พลาสติกประเภท PS (Polystyrene) เป็นวัสดุที่มีความแข็งแรงและมันวาว แต่เปราะแตกง่าย จึงไม่ควรนำไปใช้กับอาหารที่มีอุณหภูมิสูง เนื่องจากจะมีความเสี่ยงที่จะไหม้หรือละอองพลาสติกออกมาเป็นสารพิษ ยกตัวอย่างเช่น ช้อน ส้อมพลาสติกตามร้านสะดวกซื้อ ภาชนะโฟม ฝาแก้วกาแฟ ดังนั้น PS เหมาะสำหรับการใช้งานในภาชนะที่ไม่ต้องมาตรฐานสูง เช่นภาชนะที่ใช้ในร้านกาแฟ ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด หรือในการแพคสินค้าที่ไม่ต้องมีความคงทนมากๆ 7. สัญลักษณ์เบอร์ 7 Other (Miscellaneous Plastics) พลาสติกประเภทอื่นๆที่ไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มเบอร์ 1-6 และไม่สามารถระบุได้เป็นชนิดเฉพาะได้ ซึ่งอาจมีความหลากหลายในลักษณะและสารประกอบ มักถูกนำมาใช้ในการผลิตอุปกรณ์ที่หลากหลาย เช่น ขวดน้ำผลไม้ ฝาบรรจุภัณฑ์อาหาร ของเล่น ถ้วยพลาสติก ฯลฯ ซึ่งอาจต้องระมัดระวังสาร Bisphenol A (BPA) ที่อาจปนเปื้อนอยู่ในพลาสติกชนิดนี้ ซึ่งเมื่อสารนี้ปนเปื้อนเข้าสู่ร่างกายอาจส่งผลกระทบต่อเซลล์สมอง ระบบประสาท และส่งผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์ รวมถึงการหลั่งฮอร์โมนการเจริญเติบโตได้ ดังนั้น ควรใช้พลาสติกชนิดนี้อย่างระมัดระวัง และทำการทิ้งทิ้งหลีกเลี่ยงการนำมาใช้ซ้ำหรือนำมาใช้ในอาหารและเครื่องดื่มได้โดยเด็ดขาด ดังนั้น การรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้คนควรให้ความสนใจ และร่วมมือกันในการขจัดปัญหาเหล่านี้ให้หมดไป ทั้งนี้ หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมหรือต้องการใช้บริการผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ประเภทต่างๆ ที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ สามารถเข้ามายัง Website เพื่อติดต่อบริษัทนั้นๆ หรือสามารถติดตามข่าวสารที่น่าสนใจได้ผ่านช่องทาง Facebook ที่ให้บริการโดยตรงของทาง At-Once เนื่องจากเราได้ทำการรวบรวมรายชื่อบริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจบริการออกแบบบรรจุภัณฑ์โดยเฉพาะ ซึ่งมั่นใจได้เลยว่าธุรกิจของคุณจะได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างแน่นอน https://www.greenpeace.org/thailand/story/2242/plastic-101/

แนะนำเทคนิคง่ายๆ เลือกกระดาษห่อของขวัญให้ถูกใจคนรับ
  • 03-04-23
  • 225

กระดาษห่อของขวัญ แนะนำเทคนิคง่ายๆ เลือกกระดาษห่อของขวัญให้ถูกใจคนรับ การห่อของขวัญเป็นการแสดงความสำคัญในโอกาสพิเศษและความเคารพต่อผู้รับของขวัญ เพราะฉะนั้น การห่อของขวัญไม่ได้แค่การห่อเพื่อความสวยงามเพียงเท่านั้น แต่มีความสำคัญอย่างมากต่อผู้รับของขวัญด้วย เนื่องจาก การห่อของขวัญช่วยสร้างความประทับใจและสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้รับของขวัญได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ดังนั้น การเลือกกระดาษของขวัญที่จะถูกใจผู้รับนั้น ทาง At-Once มีเทคนิคง่ายๆ มาแนะนำ ดังนี้ค่ะ วิธีการเลือกกระดาษห่อของขวัญ 1. เลือกสีที่เข้ากับโอกาสหรือเทศกาล การเลือกสีของกระดาษของขวัญที่เข้ากับโอกาสหรือเทศกาล จะช่วยเพิ่มความสมบูรณ์และความหรูหราให้กับของขวัญ โดยคุณสามารถผสมผสานกับสีอื่นๆ เพื่อเพิ่มความสวยงามและความน่าสนใจให้กับกระดาษของขวัญของคุณได้ด้วยนะ แต่อย่าลืมว่า การเลือกสีของกระดาษของขวัญนั้น ควรขึ้นอยู่กับความชอบและความเหมาะสมของโอกาสหรือเทศกาลของแต่ละคนด้วย 2. เลือกกระดาษที่มีลวดลายหรือรูปแบบที่เหมาะสม การเลือกกระดาษที่มีลวดลาย หรือรูปแบบที่เหมาะสมกับโอกาสหรือเทศกาล ถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยเพิ่มความสวยงามและน่าสนใจให้กับของขวัญ ซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจและความประทับใจได้มากขึ้น แต่หากไม่มีกระดาษที่มีลวดลายที่ต้องการ คุณสามารถใช้กระดาษสีเดียวกันก็ได้ 3. เลือกกระดาษที่มีความหนา กระดาษที่มีความหนา จะช่วยให้กระดาษไม่ยับ และป้องกันของขวัญไม่ให้เสียหายได้ในระดับหนึ่ง เช่น กระดาษแข็งหนา หรือกระดาษลามิเนต ที่มีความหนาหน้าและคงทน เหมาะสำหรับการห่อของขวัญที่มีขนาดใหญ่ๆ หรือของที่มีรูปทรงไม่สมมาตร เพื่อการเก็บรักษาและขนส่งได้ง่ายขึ้น อีกทั้ง ยังทำให้ยังช่วยปกป้องของขวัญข้างในดูสวยงามและเป็นที่ประทับใจอีกด้วย 4. เลือกกระดาษที่สวยงามและมีคุณภาพ การเลือกกระดาษที่สวยงามและมีคุณภาพสามารถเพิ่มความพิเศษให้กับของขวัญได้มากขึ้น คุณภาพของกระดาษจะส่งผลต่อความทนทานและความคงทนของการห่อของขวัญ โดยการเลือกกระดาษที่มีพิมพ์สีชัดเจน ไม่มีรอยพับหรือรอยบิ่น และมีความเงางาม สามารถสร้างความละเอียดและความหรูหราให้กับของขวัญได้เป็นอย่างดีค่ะ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญกว่าการเลือกกระดาษของขวัญ คือ การใส่ใจ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความพิเศษมากขึ้นสำหรับผู้รับของขวัญ ทั้งนี้ หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมหรือต้องการใช้บริการผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ประเภทต่างๆ สามารถเข้ามายัง Website เพื่อติดต่อบริษัทนั้นๆ หรือสามารถติดตามข่าวสารที่น่าสนใจได้ผ่านช่องทาง Facebook ที่ให้บริการโดยตรงของทาง At-Once เนื่องจากเราได้ทำการรวบรวมรายชื่อบริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจบริการออกแบบบรรจุภัณฑ์โดยเฉพาะ ซึ่งมั่นใจได้เลยว่าธุรกิจของคุณจะได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างแน่นอน

กระดาษคราฟท์ คืออะไร แต่ละประเภทเหมาะแก่การใช้งานแบบไหน
  • 03-04-23
  • 350

กล่องพัสดุ แพคเกจ กระดาษคราฟท์ คือ กระดาษคราฟท์ Kraft Paper ผลิตกระดาษ กระดาษคราฟท์สีขาว กระดาษคราฟท์สี กระดาษคราฟท์ คืออะไร แต่ละประเภทเหมาะแก่การใช้งานแบบไหน กระดาษคราฟท์ (Kraft Paper) คือ กระดาษที่มีลักษณะเป็นสีน้ำตาลเข้มๆ และมีลักษณะเป็นเนื้อกระดาษหนาๆ ด้วยความหนาแน่นที่สูง จึงมักถูกนำมาใช้ผลิตกล่องพัสดุสำหรับสินค้าที่ต้องการความแข็งแรงและคงทน อีกทั้ง ยังนิยมนำมาใช้ในงานแพคเกจต่างๆ รวมถึงการแพคและห่อของ เช่น อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องเขียน ฯลฯ โดยทั่วไปกระดาษคราฟท์จะมีสีน้ำตาลเข้มๆ ที่บ่งบอกลักษณะเฉพาะของกระดาษคราฟท์ แต่รู้หรือไม่ว่า กระดาษคราฟท์ยังมีการผลิตที่นอกเหนือจากสีน้ำตาลด้วยนะ มีรูปแบบการผลิตกระดาษหลากหลายสีมากขึ้นตามการใช้งานที่ต้องการ อย่างเช่น กระดาษคราฟท์สีขาวที่มีความสะอาดและสวยงาม กระดาษคราฟท์สีเทาที่มีลักษณะเป็นเนื้อกระดาษที่นุ่มและสามารถใช้กับงานพิมพ์ได้ดี นอกจากนี้ ยังมีกระดาษคราฟท์ที่ผสมผสานกับวัสดุอื่นๆ เช่น พลาสติก หรือฟิล์มลามิเนต ซึ่งจะมีคุณสมบัติพิเศษแตกต่างกันไปอีกด้วย ประเภทของกระดาษคราฟท์ กระดาษคราฟท์ ถูกสร้างขึ้นมาหลากหลายชนิด และมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป เพราะถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะนำกระดาษไปใช้งานเป็นบรรจุภัณฑ์ แต่ก็มีพัสดุ หรือสินค้าที่ต้องการใส่ลงไปแตกต่างกัน นี่จึงเป็นเหตุให้กระดาษคราฟท์มีหลากหลายชนิดให้เลือกสรรค์ เพื่อให้คุณได้เลือกใช้ได้ตรงตามความต้องการ ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย 1. Kraftliner เป็นกระดาษคราฟท์ที่สร้างจากเฟืองไม้แข็งแรง มีพื้นผิวสีน้ำตาลเข้ม และเหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความแข็งแรง เช่น บรรจุภัณฑ์และกล่องพัสดุต่างๆ 2. Testliner เป็นกระดาษคราฟท์ที่ผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพต่ำกว่า Kraftliner แต่ก็ยังมีความแข็งแรงเหมาะสำหรับการใช้งานในการบรรจุภัณฑ์และกล่องพัสดุต่างๆ 3. White Top Kraftliner เป็นกระดาษคราฟท์ที่มีสีขาวด้านบน และเหมาะสำหรับการพิมพ์และสกรีนโลโก้ หรือข้อความบนบรรจุภัณฑ์และกล่องพัสดุต่างๆ 4. Semi Chemical Fluting เป็นกระดาษคราฟท์ที่ผลิตจากวัสดุที่ผ่านการสังเคราะห์จากเคมีอยู่นิดหน่อย เพื่อให้ได้ความแข็งแรงสูงกว่า Testliner แต่ต่ำกว่า Kraftliner ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานบรรจุภัณฑ์และกล่องพัสดุต่างๆ 5. Medium Fluting เป็นกระดาษคราฟท์ที่มีความหนากว่า Semi Chemical Fluting แต่ให้ความแข็งแรงสูงกว่า เหมาะสำหรับการใช้งานบรรจุภัณฑ์และกล่องพัสดุต่างๆ 6. Light Weight Fluting เป็นกระดาษคราฟท์ที่มีน้ำหนักเบาและความแข็งแรงต่ำกว่าทุกประเภท เหมาะสำหรับการใช้งานในการบรรจุภัณฑ์และกล่องพัสดุ ที่ต้องการน้ำหนักเบาและราคาประหยัด 7. Greaseproof Kraft เป็นกระดาษคราฟท์ที่มีความทนทานต่อน้ำมันและไขมัน ซึ่งมักนำมาใช้ทำบรรจุภัณฑ์อาหาร หรือสินค้าที่มีไขมันอยู่ 8. Clupak Kraft เป็นกระดาษคราฟท์ที่ผลิตมาเพื่อใช้สำหรับบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ โดยมีการเย็บถักกลางแผ่นกระดาษเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและทนทานต่อการเปียกโดยเฉพาะ 9. Recycled Kraft เป็นกระดาษคราฟท์ที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล เช่น กระดาษหนังสือพิมพ์ที่ใช้แล้ว และมีลักษณะเป็นเศษกระดาษหรือไม้ที่มีคุณภาพต่ำ มีความแข็งแรงและคุณสมบัติใกล้เคียงกับ Kraftliner แต่มีราคาที่ถูกกว่า 10. Specialty Kraft เป็นกระดาษคราฟท์ที่ผลิตมาเพื่อใช้งานเฉพาะ มีลักษณะและคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปในแต่ละชนิด เช่น กระดาษคราฟท์ทนไฟ กระดาษคราฟท์สี กระดาษคราฟท์ที่มีรูปลักษณ์พิเศษ เป็นต้น นี่เป็นเพียงตัวอย่างของประเภทของกระดาษคราฟท์ที่นิยมมากที่สุดในท้องตลาด แต่ยังมีประเภทอื่นๆ อีกมากมายที่ผลิตขึ้นมาตามความต้องการของผู้ใช้งานอีกด้วยนะ ทั้งนี้ หากคุณกำลังสนใจและต้องการใช้บริการกับบริษัทผลิตกระดาษ สามารถเข้ามายัง Website เพื่อติดต่อบริษัทนั้นๆ หรือสามารถติดตามข่าวสารที่น่าสนใจได้ผ่านช่องทาง Facebook ที่ให้บริการของทาง At-Once เนื่องจากเราได้ทำการรวบรวมรายชื่อบริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจบริการออกแบบและผลิตสื่อสิ่งพิมพ์โดยเฉพาะ https://hongthaipackaging.com/blog/kraft-paper-is/

7 บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติล้วนๆ
  • 23-03-23
  • 344

บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ บรรจุภัณฑ์กล่องข้าวชานอ้อย บรรจุภัณฑ์ถ้วยชามจากใยกล้วย บรรจุภัณฑ์จานกาบหมาก บรรจุภัณฑ์ช้อนส้อมจากฟางข้าวสาลี บรรจุภัณฑ์หลอดดูดน้ำไม้ไผ่ บรรจุภัณฑ์ถุงพลาสติกจากมันสำปะหลัง ถุงกระดาษจากน้ำตาลอ้อยธรรมชาติ บริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ At-Once บริการออกแบบบรรจุภัณฑ์ 7 บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติล้วนๆ การใช้สินค้าแนวรักษ์โลกสามารถช่วยลดการสร้างปริมาณขยะและลดการใช้วัสดุพลาสติก ทำให้มีผลต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของโลกได้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ การสนับสนุนสินค้าและบริการที่อยู่ในหลักการของเศรษฐกิจเชิงพอเพียงและที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย จะช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจและชุมชนในระยะยาวด้วย วันนี้ทาง AT-Once ของเราได้ทำการรวบรวมบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติเหล่านี้มาให้ดูกันถึง 7 แบบ จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย 1. บรรจุภัณฑ์กล่องข้าวชานอ้อย กล่องข้าวชานอ้อยเป็นภาชนะที่มีคุณสมบัติที่ดีในด้านการสร้างสิ่งแวดล้อม เพราะไม่เป็นพลาสติกและสามารถย่อยสลายได้ง่ายและเร็วกว่ากล่องโฟม เนื่องจากเป็นวัสดุสังเคราะห์ที่ยากที่จะย่อยสลายได้ และมีผลต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก เช่น การสะสมขยะ การปลดปล่อยสารพิษ เป็นต้น นอกจากนี้ การใช้กล่องข้าวชานอ้อยยังส่งเสริมให้เกิดการใช้วัตถุดิบธรรมชาติและสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้กล่องข้าวชานอ้อยให้มีการเลือกใช้วิธีการใช้งานและการจัดการสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม เช่น การทิ้งกล่องในที่ทิ้งขยะที่ถูกต้อง หรือการคัดแยกวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างความยั่งยืนในการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมากขึ้น 2. บรรจุภัณฑ์ถ้วยชามจากใยกล้วย ถ้วยชามจากใยกล้วยเป็นภาชนะที่เหมาะสำหรับงานเลี้ยงเล็กๆ ที่ไม่ต้องการใช้ภาชนะหรูหรา เพราะมีความเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ ในการผลิตถ้วยชามจากใยกล้วยนั้น จะต้องนำใยกล้วยมาปรุงแต่งด้วยสารเคมีเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความทนทานให้กับภาชนะ ซึ่งสารเคมีที่ใช้ก็เป็นสารที่มีความปลอดภัยสำหรับการใช้งานปกติ และเมื่อถ้วยชามทำงานเสร็จแล้ว ก็สามารถนำไปใช้ทำปุ๋ยได้ เพื่อลดการเปลืองของวัสดุธรรมชาติ และสร้างความเป็นระเบียบต่อการจัดการของเราเองด้วยนะ 3. บรรจุภัณฑ์จานกาบหมาก รู้หรือไม่ว่า จานกาบหมากเป็นหนึ่งผลิตภัณฑ์ฝีมือคนไทย อีกทั้งยังสามารถนำมาประกอบอาหารและเข้าไมโครเวฟได้เหมือนกับจานที่ผลิตจากวัสดุสังเคราะห์อื่นๆ การนำกาบต้นหมากมาใช้เป็นภาชนะอาหารไม่เพียงแค่ช่วยรักษาโลกให้สะอาด แต่ยังมีคุณสมบัติในเรื่องของความทนทาน และเรื่องการรับน้ำไหล ทำให้จานกาบหมากนั้นมีความนิยมในการใช้งานอย่างแพร่หลายในชุมชนและร้านอาหารของเราเช่นกัน 4. บรรจุภัณฑ์ช้อนส้อมจากฟางข้าวสาลี สิ่งที่น่าสนใจกับช้อนส้อมจากฟางข้าวสาลี คือ เป็นวัสดุที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดการใช้พลาสติกและลดการสร้างขยะเป็นอย่างมาก เนื่อจากเป็นปัญหาสำคัญที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน การใช้ฟางข้าวสาลีเป็นวัสดุแทนพลาสติกยังช่วยลดการใช้แร่ธาตุและวัสดุเป็นอย่างมาก ด้วยคุณสมบัติของฟางข้าวสาลีที่มีความเหนียวแน่นและคงทน จึงทำให้ช้อนส้อมจากฟางข้าวสาลีมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและทนทานกว่าช้อนส้อมพลาสติกและไม้ 5. บรรจุภัณฑ์หลอดดูดน้ำไม้ไผ่ หลอดดูดน้ำที่ทำจากไม้ไผ่เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการลดการหลอดพลาสติก เนื่องจากไม้ไผ่เป็นวัตถุดิบที่มีคุณสมบัติที่ดีในการรักษาความสะอาดและทนทาน นอกจากนี้ การใช้หลอดดูดน้ำไม้ไผ่ยังช่วยส่งเสริมการใช้วัตถุดิบธรรมชาติและการลดการใช้งานพลาสติกในชีวิตประจำวันอีกด้วย หากเรายังมีความจำเป็นต้องใช้หลอดดูดน้ำ การใช้หลอดดูดน้ำไม้ไผ่เป็นทางเลือกที่มีประโยชน์สำหรับสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติอีกด้วย 6. บรรจุภัณฑ์ถุงพลาสติกจากมันสำปะหลัง การนำวัสดุธรรมชาติอย่างมันสำปะหลังมาใช้เป็นวัสดุแทนถุงพลาสติกมีประโยชน์อย่างมาก ไม่เพียงแต่ช่วยลดปัญหาขยะพลาสติกที่กำลังเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่ยังช่วยลดการใช้ถุงพลาสติกที่เป็นวัตถุดิบจากน้ำมันที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยลดการปลิวไปของคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศด้วย นอกจากนี้ การใช้ถุงพลาสติกจากมันสำปะหลังยังช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของชุมชนที่ปลูกมันสำปะหลัง และสร้างโอกาสให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการที่สนใจในการนำเทคโนโลยีการผลิตถุงพลาสติกจากมันสำปะหลังมาใช้ในธุรกิจของตนเองได้เช่นกัน 7. ถุงกระดาษจากน้ำตาลอ้อยธรรมชาติ ถุงกระดาษ ที่ทำจากน้ำตาลอ้อยธรรมชาติเป็นตัวเลือกที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีคุณสมบัติที่มีประโยชน์และมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถลดปริมาณขยะพลาสติกและส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม โดยด้านนอกบรรจุภัณฑ์จะทำจากกระดาษคราฟท์ ส่วนด้านในสามารถป้องกันความชื้นด้วยพลาสติกชีวภาพ Biodergradable ทำให้สามารถย่อยสลายได้ทั้งด้านในและด้านนอกภายใน 180 วันเท่านั้น โดยไม่ทิ้งสารพิษตกค้างไว้ในสิ่งแวดล้อมอีกด้วย จากที่กล่าวมานี้ ทั้ง 7 บรรจุภัณฑ์ล้วนทำมาจากวัสดุธรรมชาติทั้งสิ้น โดยผ่านการปรับเปลี่ยนหรือการแปรรูปเพื่อกลายเป็นวัสดุบรรจุภัณฑ์ แถมยังมีคุณสมบัติที่มีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถช่วยลดปริมาณของการใช้วัสดุพลาสติกหรือวัสดุสังเคราะห์ได้ในระยะยาว โดยที่ยังคงรักษาคุณภาพและประสิทธิภาพในการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับวัสดุบรรจุภัณฑ์อื่นๆ ที่มาจากวัสดุพลาสติกหรือวัสดุสังเคราะห์อื่นๆ ด้วย หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมหรือต้องการใช้บริการผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ประเภทต่างๆ ที่มาจากวัสดุธรรมชาติ สามารถเข้ามายัง Website เพื่อติดต่อบริษัทนั้นๆ หรือสามารถติดตามข่าวสารที่น่าสนใจได้ผ่านช่องทาง Facebook ที่ให้บริการโดยตรงของทาง At-Once เนื่องจากเราได้ทำการรวบรวมรายชื่อบริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจบริการออกแบบบรรจุภัณฑ์โดยเฉพาะ ซึ่งมั่นใจได้เลยว่าธุรกิจของคุณจะได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างแน่นอน https://www.mangozero.com/7-creative-bio-packagings/

5 บรรจุภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
  • 22-03-23
  • 626

บรรจุภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติ วัสดุธรรมชาติ บริการผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ธรรมชาติ At-Once บริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ 5 บรรจุภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การรักษาสิ่งแวดล้อมและการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกำลังเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งวัสดุธรรมชาติเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการใช้วัสดุที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง เนื่องจากวัสดุที่ใช้สามารถทำลายตัวเองได้ ทำให้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลงในระยะยาว ดังนั้น การใช้วัสดุธรรมชาติไม่เพียงช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการรักษาธรรมชาติและลดปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ในอนาคต จะเห็นว่า หลายๆ คน ต่างให้ความสนใจในการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์จากธรรมชาติในการบรรจุอาหารไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้น วันนี้ทางเราจึงได้รวบรวมบรรจุภัณฑ์ธรรมชาติที่คนนิยมใช้มากที่สุด ว่าแต่จะมีบรรจุภัณฑ์ชนิดไหนบ้างนั้น ตามไปดูพร้อมๆ กันเลย 1. บรรจุภัณฑ์ใบเตย การใช้บรรจุภัณฑ์ใบเตยเป็นวัสดุที่มีคุณสมบัติการย่อยสลายโดยธรรมชาติ ถือเป็นการช่วยลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ดังนั้น การใช้บรรจุภัณฑ์ใบเตยจะช่วยลดปัญหาขยะและสิ่งแวดล้อมที่ถูกทิ้งในทะเลและบริเวณอื่นๆ ที่เป็นปัญหาในปัจจุบันได้ อย่างไรก็ตาม การใช้วัสดุธรรมชาติยังคงต้องคำนึงถึงปัญหาการเก็บรักษาให้เหมาะสมเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพก่อนการใช้งาน 2. บรรจุภัณฑ์ผักตบชวา บรรจุภัณฑ์ผักตบชวาถือว่าเป็นการใช้วัสดุธรรมชาติ เนื่องจากผักตบชวาเป็นพืชที่สามารถปลูกและเก็บเกี่ยวได้จากธรรมชาติ และเมื่อผลิตบรรจุภัณฑ์จากผักตบชวา เราสามารถกลับสู่ธรรมชาติได้โดยการย่อยสลายเป็นปุ๋ยธรรมชาติ ซึ่งช่วยลดการใช้วัสดุพลาสติกหรือวัสดุสังเคราะห์เข้าสู่ระบบธรรมชาติที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง นอกจากนี้ บรรจุภัณฑ์ผักตบชวายังมีคุณสมบัติในการย่อยสลายที่ดี โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเกินไป อย่างไรก็ตาม การใช้ผักตบชวาในการผลิตบรรจุภัณฑ์อาจต้องใช้กระบวนการเคลือบเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและป้องกันการเน่าเสีย แต่วิธีการเคลือบและวัสดุที่ใช้เคลือบอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้สารเคมีหรือพลาสติกเคลือบ ดังนั้น การใช้ใบตองในการผลิตบรรจุภัณฑ์ต้องพิจารณาด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยไม่จำเป็น 3. บรรจุภัณฑ์กะลาหรือลูกมะพร้าว การใช้กะลาหรือลูกมะพร้าวเป็นวัสดุในการผลิตบรรจุภัณฑ์ ถือว่าเป็นการใช้วัสดุธรรมชาติและเป็นวัสดุที่มีความย่อยสลายได้ง่าย โดยทั่วไปแล้วกะลาหรือลูกมะพร้าวมีคุณสมบัติในการย่อยสลายเร็ว เนื่องจากกะลาหรือลูกมะพร้าวจะสามารถสลายไปเองโดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตาม การใช้กะลาหรือลูกมะพร้าวในการผลิตบรรจุภัณฑ์อาจต้องใช้กระบวนการเคลือบเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและป้องกันการเน่าเสีย แต่วิธีการเคลือบและวัสดุที่ใช้เคลือบอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้สารเคมีหรือพลาสติกเคลือบ ดังนั้น การใช้กะลาหรือลูกมะพร้าวในการผลิตบรรจุภัณฑ์ต้องพิจารณาด้วยความระมัดระวังด้วยเช่นกัน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยไม่จำเป็น 4. บรรจุภัณฑ์ใบกล้วย การนำสิ่งธรรมชาติมาใช้เป็นวัสดุประกอบการผลิตมีประโยชน์อย่างมาก เพราะไม่เพียงแต่ช่วยลดการใช้วัสดุพลาสติกหรือวัสดุสังเคราะห์ที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม แต่ยังช่วยให้เรามีวัสดุที่มีคุณสมบัติพิเศษ ทนทาน และสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ นอกจากนี้ การใช้ใบกล้วยเป็นวัสดุบรรจุภัณฑ์ยังช่วยลดปัญหาการทำลายสิ่งแวดล้อมเกินไปในระยะยาวด้วย 5. บรรจุภัณฑ์กระบอกไม้ไผ่ กระบอกไม้ไผ่เป็นวัสดุธรรมชาติที่มาจากพืชไผ่ซึ่งมีความยืดหยุ่นและทนทานต่อแรงกระแทก นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติที่มีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีค่า ทั้งนี้ การใช้กระบอกไม้ไผ่เป็นบรรจุภัณฑ์สามารถช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมในหลายด้าน เช่น เป็นวิธีการลดการใช้วัสดุพลาสติกหรือวัสดุสังเคราะห์ที่มีการผลิตโดยใช้พลังงานสูง รวมถึงช่วยลดปัญหาขยะและสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษหรือมีอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง ดังนั้น การใช้กระบอกไม้ไผ่เป็นบรรจุภัณฑ์ธรรมชาติเป็นทางเลือกที่ดี โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับวัสดุบรรจุภัณฑ์แบบพลาสติกหรือโลหะที่มีการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีสูงและมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในระยะยาว และสามารถทิ้งได้โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม จากที่กล่าวไปทั้งหมดนี้ ถือเป็นบรรจุภัณฑ์ที่มาจากวัสดุธรรมชาติทั้งสิ้น โดยผ่านการปรับเปลี่ยนหรือการแปรรูปเพื่อกลายเป็นวัสดุบรรจุภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม วัสดุธรรมชาติที่ผ่านการปรับเปลี่ยนหรือการแปรรูปนั้นยังมีคุณสมบัติที่มีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถช่วยลดปริมาณของการใช้วัสดุพลาสติกหรือวัสดุสังเคราะห์ได้ในระยะยาว โดยที่ยังคงรักษาคุณภาพและประสิทธิภาพในการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับวัสดุบรรจุภัณฑ์อื่นๆ ที่มาจากวัสดุพลาสติกหรือวัสดุสังเคราะห์อื่นๆ ด้วย หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมหรือต้องการใช้บริการผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ประเภทต่างๆ ที่มาจากวัสดุธรรมชาติ สามารถเข้ามายัง Website เพื่อติดต่อบริษัทนั้นๆ หรือสามารถติดตามข่าวสารที่น่าสนใจได้ผ่านช่องทาง Facebook ที่ให้บริการโดยตรงของทาง At-Once เนื่องจากเราได้ทำการรวบรวมรายชื่อบริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจบริการออกแบบบรรจุภัณฑ์โดยเฉพาะ ซึ่งมั่นใจได้เลยว่าธุรกิจของคุณจะได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างแน่นอน https://guide.michelin.com/th/th/article/features/5-natural-food-containers-thailand-s-answer-to-sustainable-packaging

5 เทคนิคการทำ "โปรโมชั่น" ให้น่าสนใจและมีประสิทธิภาพ
  • 22-03-23
  • 303

บรรจุภัณฑ์ โปรโมชั่นบรรจุภัณฑ์ เทคนิคการทำโปรโมชั่น วางแผนการทำโปรโมชั่น At-Once บริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ บริการออกแบบ 5 เทคนิคการทำ "โปรโมชั่น" ให้น่าสนใจและมีประสิทธิภาพ การทำโปรโมชั่นเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการสร้างความน่าสนใจและเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าของคุณ เนื่องจากการโปรโมชั่นถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่สำคัญในการสร้างความตื่นเต้นและดึงดูดความสนใจของลูกค้า นอกจากนี้ โปรโมชั่นยังช่วยให้ลูกค้ามีความคุ้นเคยและสามารถลองใช้สินค้าของคุณได้ง่ายขึ้นนั่นเอง การทำโปรโมชั่นของผลิตภัณฑ์เป็นวิธีที่สามารถสร้างความน่าสนใจให้กับสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากสามารถสร้างผลตอบรับต่อการขายสินค้าได้เป็นอย่างดี ดังนั้น การใช้โปรโมชั่นร่วมกับผลิตภัณฑ์จะช่วยให้สินค้าของคุณมีความโดดเด่นในตลาด และเพิ่มโอกาสในการขายได้มากขึ้นนั่นเอง วิธีการทำโปรโมชั่นของบรรจุภัณฑ์หลายรูปแบบ ดังนี้ 1. ตั้งเป้าหมายในการทำโปรโมชั่น การตั้งเป้าหมายในการทำโปรโมชั่นเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณสร้างแผนการตลาดที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยเพิ่มยอดขายและสร้างความสุขให้กับลูกค้าของคุณ ดังนั้น นี่คือขั้นตอนที่คุณสามารถทำเพื่อตั้งเป้าหมายในการทำโปรโมชั่นได้ดียิ่งขึ้น • วิเคราะห์ตลาด ศึกษาตลาดและความต้องการของลูกค้าของคุณ โดยใช้ข้อมูลจากการสำรวจผู้บริโภค การวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำให้คุณสามารถทราบถึงความต้องการของลูกค้าและเลือกโปรโมชั่นที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้านั้นๆ • กำหนดเป้าหมายการขาย กำหนดเป้าหมายการขายที่ต้องการให้กับโปรโมชั่นของคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณตัดสินใจเกี่ยวกับปริมาณการลดราคาและปริมาณการผลิตที่จำเป็น • สร้างแผนการตลาด สร้างแผนการตลาดที่เหมาะสมกับเป้าหมายของคุณ และออกแบบโปรโมชั่นที่เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าและสินค้าของคุณ • วางแผนการดำเนินงาน กำหนดแผนการดำเนินงานที่สำคัญในการจัดการโครงการหรือธุรกิจ เพื่อให้มีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพ ถูกต้อง และชัดเจน 2. กำหนดงบประมาณ การกำหนดงบประมาณในการจัดทำโปรโมชั่นเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณสามารถเลือกทำโปรโมชั่นได้ตามความเหมาะสมและสอดคล้องกับงบประมาณที่มีอยู่ ดังนั้น การกำหนดงบประมาณนี้จึงควรทำตามขั้นตอนดังนี้ • วางแผนการทำโปรโมชั่น ก่อนที่จะกำหนดงบประมาณในการทำโปรโมชั่น ควรวางแผนการทำโปรโมชั่นให้รอบคอบ ซึ่งรวมถึงการกำหนดเป้าหมายของการทำโปรโมชั่น ซึ่งอาจเป็นการลดราคาสินค้า หรือให้สิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ลูกค้าจะได้รับ เช่น แถมสินค้า ฟรีค่าจัดส่ง หรือลดราคาพิเศษ เป็นต้น • กำหนดงบประมาณ หลังจากที่ได้วางแผนการทำโปรโมชั่นไว้แล้ว ต้องกำหนดงบประมาณที่เหมาะสม โดยพิจารณาจากกำไรที่คาดหวังจะได้รับ รวมถึงต้นทุนในการทำโปรโมชั่นนี้ด้วย เพื่อจะได้ตั้งงบประมาณที่เหมาะสมและไม่ทำให้เกิดขาดทุน • ตรวจสอบงบประมาณ หลังจากที่ได้กำหนดงบประมาณไว้แล้ว ควรตรวจสอบว่างบประมาณที่กำหนดนั้นสอดคล้องกับสิ่งที่ต้องการทำและเป้าหมายของการทำโปรโมชั่นหรือไม่ 3. การเลือกประเภทโปรโมชั่น การเลือกประเภทโปรโมชั่นที่เหมาะสมต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น กลุ่มลูกค้าที่คุณต้องการจะเข้าถึง สินค้าหรือบริการที่คุณต้องการโปรโมชั่น วัตถุประสงค์ของการทำโปรโมชั่น รวมถึงงบประมาณที่คุณมีอยู่ด้วย ซึ่งประเภทโปรโมชั่นที่สามารถใช้ได้แก่ • ส่วนลดราคา ลูกค้าจะได้รับส่วนลดราคาสินค้าหรือบริการ เช่น ลดราคาสินค้า 10%, 20% หรือซื้อครบจำนวนเงินก็ได้รับส่วนลด • แถมสินค้า ลูกค้าจะได้รับสินค้าฟรีเมื่อซื้อสินค้าหรือบริการที่คุณกำหนด เช่น ซื้อสินค้าครบ 1,000 บาท แถมสินค้า A ฟรี • แต้มคะแนนสะสม ลูกค้าจะได้รับแต้มคะแนนสะสมเมื่อซื้อสินค้าหรือบริการ และสามารถนำแต้มคะแนนมาแลกของรางวัลได้ • คูปอง การมอบคูปองส่วนลดให้กับลูกค้า อาจจะเป็นคูปองส่วนลดแบบเป็นใบๆ หรือคูปองส่วนลดออนไลน์ ในการแจกคูปอง เช่น ซื้อครบตามเงื่อนไข จะได้คูปองส่วนลด 10% 4. การตั้งเงื่อนไขโปรโมชั่น การตั้งเงื่อนไขโปรโมชั่นเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้โปรโมชั่นของคุณเป็นไปอย่างราบรื่น โดยการตั้งเงื่อนไขโปรโมชั่นควรประกอบไปด้วยหลักการดังนี้ • ชัดเจนและเข้าใจง่าย เงื่อนไขของโปรโมชั่นควรจะเข้าใจง่ายและชัดเจนต่อลูกค้า เพื่อลดความสับสนและการเสียเวลาของลูกค้าในการตรวจสอบ. • เป็นไปตามกฎหมาย เงื่อนไขของโปรโมชั่นควรเป็นไปตามกฎหมายและเงื่อนไขของบริษัทเพื่อป้องกันการกระทำผิดกฎหมายและปัญหาทางกฎหมายอื่นๆ • มีระยะเวลา การกำหนดเวลาในการใช้โปรโมชั่นจะช่วยให้ลูกค้ามีความกระตือรือร้นในการใช้โปรโมชั่นของคุณ • มีเงื่อนไขเฉพาะ การกำหนดเงื่อนไขของโปรโมชั่นควรเป็นเงื่อนไขที่เฉพาะเจาะจงและเหมาะสมกับสินค้าหรือบริการที่คุณกำลังโปรโมต 5. การวัดผล หรือประเมินผลการทำโปรโมชั่น เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้ผู้จัดการหรือผู้ดูแลโปรโมชั่นได้รับข้อมูลเพื่อปรับปรุงหรือพัฒนาโปรโมชั่นในอนาคต โดยปกติแล้วการวัดผลโปรโมชั่นจะคำนวณจากตัวชี้วัด (KPIs) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สำหรับการประเมินผลการทำโปรโมชั่น เช่น • ยอดขาย การเปรียบเทียบยอดขายก่อนและหลังการทำโปรโมชั่น เพื่อดูว่าโปรโมชั่นนั้นมีผลในการเพิ่มยอดขายหรือไม่ • อัตราการซื้อกลับ การวัดอัตราการซื้อกลับนี้จะช่วยให้ธุรกิจหรือร้านค้าได้ทราบว่าลูกค้าที่ได้รับการบริการหรือซื้อสินค้ามีความพึงพอใจกับธุรกิจหรือไม่ และมีความเชื่อมั่นในสินค้าหรือบริการที่ธุรกิจหรือร้านค้านั้นให้มากน้อยเพียงใด ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจของลูกค้าว่าจะกลับมาใช้บริการอีกหรือไม่ และจะช่วยให้ธุรกิจหรือร้านค้าสามารถปรับปรุงเพื่อเพิ่มความพึงพอใจและเชื่อมั่นในตลาดได้ในอนาตค ทั้งหมดนี้ ถือเป็นการทำโปรโมชั่นให้มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด และสามารถช่วยให้สื่อสารกับบริโภคหรือผู้รับสารได้เป็นอย่างดี และสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว และหากคุณกำลังสนใจในการออกแบบจึงไม่ควรพลาดที่จะเข้ามายัง Website เพื่อติดต่อบริษัทที่ให้บริการออกแบบนั้นๆ หรือสามารถติดตามข่าวสารที่น่าสนใจได้ผ่านช่องทาง Facebook ที่ให้บริการโดยตรงของทาง At-Once เนื่องจากเราได้ทำการรวบรวมรายชื่อบริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจบริการออกแบบโดยเฉพาะ ซึ่งมั่นใจได้แน่นอนว่าการทำโปรโมชั่นด้วยวิธีนี้คุณจะได้ผลลัพธ์ที่ดี https://www.punpro.com/p/how-to-create-promotion

6 ไอเดีย ของชำร่วยงานแต่ง
  • 22-03-23
  • 341

ของชำร่วย ของชำร่วยงานแต่ง ออกแบบแพคเกจจิ้ง บริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ แพคเกจจิ้ง 6 ไอเดีย ของชำร่วยงานแต่ง สำหรับบทความนี้ เราจะมาแนะนำ “ของชำร่วย” ที่ใช้แทนคำขอบคุณแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานแต่งงานของเรา เป็นการตอบแทนน้ำใจที่มีให้กัน ที่ไม่เพียงแค่สวยงามและโดดเด่นเพียงเท่านั้น แต่ต้องแอบบแฝงไปด้วยความหมายอันลึกซึ้งกินใจด้วย แถมที่เราคัดมาให้นี้ ก็ถือเป็นไอเดียที่ดีและไม่ซ้ำใครอย่างแน่นอน ซึ่งจะมีอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลย 1. ดอกไม้ ดอกไม้ เป็นของขวัญที่เหมาะสำหรับงานแต่ง เพราะมีความสวยงามและแสดงความเป็นกันเองของผู้รับของได้อย่างชัดเจน สามารถเลือกใช้ดอกไม้ตามความชอบได้ เช่น ดอกกุหลาบสีขาวหรือชมพู หรือดอกไม้ตระกูลอื่นๆ หรือดอกไม้แห้งก็ได้ ซึ่งอาจมีการ์ดใบเล็กๆ แสดงความขอบคุณที่มาร่วมงานแต่งและแนบดอกไม้ก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มความสวยงามด้วยการเพิ่มสีหรือลายต่างๆ ได้ด้วย 2. ของหวาน ของหวาน เป็นของขวัญที่ได้รับความนิยมสูงในงานแต่ง ที่แสดงถึงความอบอุ่นและความรักอย่างใกล้ชิด เปรียบเสมือนการแสดงความรักและความเอื้อเฟื้อที่ต้องการสื่อสารให้กับผู้ให้ ดังนั้น การเลือกชำร่วยงานแต่งให้เป็นของหวานเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ นอกจากจะช่วยสร้างความประทับใจและความทรงจำที่ดีในวันที่สำคัญนั้นๆ แล้ว ยังสามารถสื่อถึงความรักและความเอื้อเฟื้ออีกด้วย โดยสามารถเลือกใช้ของหวานตามความชอบได้ เช่น ช็อคโกแลต ขนมปัง หรือเค้ก และอาจเพิ่มลายหรือตกแต่งให้ดูน่ารักและน่าสนใจยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มข้อความบนของหวาน เช่น ชื่อของผู้ส่งของขวัญหรือคำขอบคุณได้อีกด้วย 3. สินค้าแฟชั่น สินค้าแฟชั่น เป็นของขวัญที่มีความหลากหลายและน่าสนใจ สามารถเลือกใช้ได้ตามความชอบของผู้รับของ เช่น เสื้อผ้า ถุงมือ หรือพวงกุญแจ ซึ่งถือเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมและเหมาะสมกับสไตล์ของผู้รับของ และอาจเพิ่มแพคเกจจิ้งให้สวยงามเพื่อให้สินค้ามีความน่าดึงดูดและมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น 4. เทียนหอม เทียนหอม เป็นของชำร่วยงานแต่งที่แสดงถึงความสำคัญในพิธีการแต่งงานของคนไทย ซึ่งมีความหมายอย่างมากในการเชื่อมั่นในชีวิตที่มีความสุขและสดใส การให้เทียนหอมกันมีความหมายเชิงลึกถึงการแสดงความเคารพและคุณค่าต่อผู้ที่ได้ การจุดเทียนหอมเปรียบเหมือนการเชื่อมั่น การให้แสงสว่างนำทางชีวิตของคู่สามีภรรยาไปสู่อนาคตที่สดใส และมีความสุขอย่างไม่มีสิ้นสุด 5. คุกกี้ คุกกี้ เป็นขนมที่มีชื่อเสียงทั่วโลก เป็นสื่อของความรัก ความปรารถนาดี และความสดใสในชีวิตในงานแต่งงาน โดยสามารถดัดแปลงทำเป็นรูปทรงต่างๆ ได้มากมาย ทั้งรูปตุ๊กตาคู่ รูปเค้ก รูปหัวใจ หรือเขียนคำขอบคุณเก๋ๆ ก็ล้วนเพิ่มคุณค่าให้คุกกี้นี้ดูดีมีคุณค่ายิ่งขึ้นไปอีก นอกจากนี้ คุกกี้ยังเป็นของฝากแสดงความรักของคนรักกันในวันวาเลนไทน์ หรือวันคริสต์มาสด้วยความหวังว่าความหวังและความสดใสจะถูกส่งต่อผ่านคุกกี้ให้กับผู้รับของชำร่วยเหล่านั้น ดังนั้น คุกกี้จึงเป็นของชำร่วยที่เหมาะสำหรับแสดงความรักและความศรัทธาในสิ่งที่ดีๆ ในชีวิต 6. สบู่แฮนด์เมด สบู่แฮนด์เมด เป็นทางเลือกที่น่าสนใจในการมอบของชำร่วยในงานแต่งที่ เพราะสบู่แฮนด์เมดธรรมชาติมีคุณสมบัติที่ดีต่อผิวพรรณ และไม่มีสารเคมีที่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงกับผิวหนังได้ สบู่แฮนด์เมด จึงเปรียบเหมือนการชำระล้างสิ่งไม่ดีไม่งามให้หมดไป ให้คงไว้เพียงแต่ความสะอาดบริสุทธิ์ และเปรียบเสมือนความรักอันบริสุทธิ์ของคู่บ่าวสาว ดังนั้น สบู่แฮนด์เมด จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เหมาะจะนำมาใช้เป็นของชำร่วย โดยอาจเลือกเป็นสบู่ก้อนเล็กที่มีสีสันสวยงาม หรือมีรูปแบบการดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์แปลกตาก็ได้ อย่างไรก็ตาม ของชำร่วยเป็นเหมือนตัวแทนของผู้จัดงานเพื่อแสดงความขอบคุณแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานแต่งงานของเรา ดังนั้น สำหรับใครที่ต้องการออกแบบแพคเกจจิ้งของขวัญน่ารักๆ ในงานแต่งสามารถเข้ามายัง Website ของทาง At-Once เพื่อทำการติดต่อบริษัทนั้นๆ หรือสามารถติดตามข่าวสารที่น่าสนใจได้ผ่านช่องทาง Facebook ที่ให้บริการโดยตรง เนื่องจากเราได้ทำการรวบรวมรายชื่อบริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจบริการออกแบบแพคเกจจิ้งประเภทต่างๆ โดยเฉพาะ และหากใครที่มีคำถามเพิ่มเติมหรือข้อสงสัยอื่นๆ โปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อมาถามกับทาง At-Once ของเรานะคะ

แก้วเก็บความเย็นยี่ห้อดัง ยอดฮิต ที่น่าซื้อเก็บไว้
  • 20-03-23
  • 269

แก้วเก็บความเย็น At-Once ออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ บริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ แก้วเก็บความเย็นยี่ห้อดัง ยอดฮิต ที่ควรซื้อเก็บไว้ สำหรับบทความนี้ เราจะมาแนะนำแก้วเก็บความเย็นยี่ห้อดัง ยอดฮิต บอกเลยว่าสามารถเก็บความเย็นได้อย่างนานนับชั่วโมง แล้วโดยที่เราเติมน้ำแข็งตลอดเวลา แถมที่เราคัดมาให้นี้ ก็มีรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่โดดเด่นไม่ซ้ำใครอย่างแน่นอน ซึ่งจะมียี่ห้อไหนบ้าง ตามมาดูกันเลย 1. Stanley แก้วเก็บความเย็น Stanley ถือเป็นแบรนด์ยอดฮิตเลยก็ว่าได้ ด้วยรูปแบบการดีไซน์ที่มีความทันสมัย สามารถตอบโจทย์การใช้งานของสายลุย สายเที่ยว เช่น การเดินทางไกล การเล่นกีฬาหรือการทำกิจกรรมกลางแจ้ง เป็นต้น เนื่องจากมีการออกแบบให้มีชั้นความเย็นที่สามารถรักษาเครื่องดื่มที่อยู่ในด้านในคงความเย็นได้นานๆ โดยไม่มีไอน้ำเกาะบริเวณรอบแก้ว ตัวฝาสามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้ เลือกดื่มได้ทั้งแบบยกซดหรือใช้หลอด โดยทางแบรนด์ยังได้แถมหลอดพลาสติกมาให้ใช้งานอีกด้วย นอกจากนี้ ยังสามารถทำความสะอาดด้วยเครื่องล้างจานได้อย่างง่าย 2. Tyeso แก้วเก็บความเย็น Tyeso เป็นแก้วที่มีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยในการกักเก็บความเย็นได้เป็นอย่างดี โดยมีวัสดุหลักคือแก้วมีความหนาแน่นสูง ทำให้สามารถรักษาความเย็นได้นานกว่าแก้วทั่วไป โดยตัวแก้วจะผลิตจาก Stainless Steel (หนาถึง 2 ชั้น) มีฝาปิดที่มีลักษณะเป็นเกลียวแน่น พร้อมป้องกันการหกของน้ำได้เป็นอย่างดี ซึ่งความน่าสนใจของยี่ห้อนี้ คือ มีราคาค่อนข้างย่อมเยามากประมาณ 176-279 บาทเท่านั้น โดยราคาก็ขึ้นอยู่กับขนาดความจุของแก้ว แต่อาจไม่ดีเท่าพวกยี่ห้อดังๆ ราคาแพง ๆ หากเทียบกับเงินที่จ่ายแล้ว ก็ถือว่าคุ้มค่ามาก 3. Starbuck แก้วเก็บความเย็น Starbuck ถือเป็นอีกแบรนด์ที่มีความโดดเด่นทั้งเรื่องเครื่องดื่มและแก้ว ที่ออกคอลเลคชั่นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการเครื่องดื่มที่เย็นสดชื่น และสามารถเก็บความเย็นได้อย่างนานนับชั่วโมง โดยในแต่ละฤดูกาล Starbuck จะมีการออกแบบแก้วเก็บความเย็นที่แตกต่างกันออกไป เพื่อสร้างความสดชื่นและเหมาะสมกับสภาพอากาศในแต่ละฤดูกาล ซึ่งเหมาะกับหนุ่มๆ สาวๆ ทั้งวัยเรียนและวัยทำงาน เพราะมีสีสันให้เลือกเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ Starbuck ยังมีคอลเลคชั่นของแก้วเก็บความเย็นที่ออกแบบมาสำหรับงานต่างๆ เช่น งานฉลองวันเกิด งานเลี้ยงสัมมนา หรืองานประชุมธุรกิจ ซึ่งแต่ละคอลเลคชั่นจะมีดีไซน์และสีที่ต่างกันออกไป เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้งานตามความต้องการของสถานการณ์ได้อย่างตรงจุด 4. Yeti แก้วเก็บความเย็น Yeti เป็นแก้วที่มีคุณภาพสูงและได้รับความนิยมมากในตลาด โดยมีคุณสมบัติเด่น คือ ความทนทานและความสามารถในการเก็บรักษาอุณหภูมิได้นาน โดยมีข่าวออกมาอย่างหลากหลายว่ามีความทนทานและเก็บอุณหภูมิได้นานถึง 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังมีการออกแบบที่สวยงามและมีหลากหลายขนาดให้เลือกใช้งาน และยังมีฟีเจอร์ฝาเปิด-ปิดที่สะดวกสบาย อีกทั้งยังป้องกันไอน้ำเกาะบริเวณรอบแก้วอีกด้วย ทั้งนี้ทำให้ Yeti เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการแก้วเก็บความเย็นที่มีคุณภาพสูง 5. Lock&Lock แก้วเก็บความเย็น Lock&Lock ถือเป็นอีกแบรนด์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้แล้ว เนื่องจากมียอดขายในอินเทอร์เน็ตที่ดีมาก ตั้งแต่รุ่นขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ มีให้เลือกหลายรูปทรง อีกทั้งยังมีหลายสีสันทั้งสีแบบด้านหรือสีแบบเงาให้เลือกซื้อกันด้วย ส่วนเรื่องคุณภาพก็มั่นใจได้เลยว่า สามารถเก็บอุณหภูมิได้อย่างยาวนานแน่นอน ทั้งหมดนี้ เป็นแก้วเก็บความเย็นยี่ห้อดังยอดฮิตที่ทาง At-Once ของเราได้ทำการคัดมาให้แต่ละยี่ห้อ และสำหรับใครที่สนใจอยากนำแก้วเก็บความเย็นเป็นของสัมนาคุณหรือใช้เป็นของชำร่วยในงานแต่งหรืองานพิธีการอื่นๆ ในจำนวนเยอะ แต่อยากประหยัดงบค่าใช้จ่าย สามารถเข้ามายัง Website ของเราเพื่อติดต่อบริษัทนั้นๆ หรือสามารถติดตามข่าวสารที่น่าสนใจได้ผ่านช่องทาง Facebook ที่ให้บริการโดยตรงของทาง At-Once ได้โดยตรง เนื่องจากเราได้ทำการรวบรวมรายชื่อบริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจบริการออกแบบโดยเฉพาะ ซึ่งมั่นใจได้เลยว่ารูปแบบการดีไซน์กระบอกน้ำพลาสติกหรือแก้วเก็บความเย็นของคุณจะได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างแน่นอน https://plusaround.com/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B9%87%E0%B8%99-tumbler/ https://www.chaideeboktor.com/review/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B9%87%E0%B8%99/

10 เทรนด์ออกแบบบรรจุภัณฑ์ 2023 จากมุมมองนักออกแบบไทยระดับโลก
  • 20-03-23
  • 544

เทรนด์ออกแบบบรรจุภัณฑ์ นักออกแบบผีมือระดับโลก Packaging บรรจุภัณฑ์ แพคเกจจิ้ง บรรจุภัณฑ์กระป๋อง ออกแบบสินค้าและบรรจุภัณฑ์ ออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ At-Once บริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ บริการออกแบบบรรจุภัณฑ์ 10 เทรนด์ออกแบบบรรจุภัณฑ์ จากมุมมองนักออกแบบไทยระดับโลก 2023 จากการสังเกตเทรนด์การออกแบบการบรรจุภัณฑ์หรือแพคเกจจิ้ง (Packaging)ในปี 2566 โดยคุณแชมป์ – สมชนะ กังวารจิตต์ นักออกแบบบรรจุภัณฑ์ไทยฝีมือระดับโลก จาก Prompt Design เห็นว่า คนเริ่มหันมาใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ธุรกิจบรรจุภัณฑ์จะต้องปรับเปลี่ยนการออกแบบแพคเกจจิ้งให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้บริโภคที่สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยเทรนด์ที่อาจจะมาแรงแซงโค้งในปีนี้ จะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกัน 1.RISE OF THE CAN การกลับมาของกระป๋อง การใช้กระป๋องในการบรรจุสินค้านั้นมีข้อดีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัยในการขนส่งสินค้า ความสะดวกในการเก็บรักษาสินค้า รวมไปถึงการลดปริมาณขยะที่เกิดขึ้นจากการใช้งานบรรจุภัณฑ์ แต่ในช่วงเวลาที่ผ่านมานั้น เราเคยเห็นความสำเร็จในการพัฒนาวัสดุทดแทนกระป๋อง เช่น กระสอบผ้า กระสอบกระดาษ หรือถุงที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล แต่เราก็ยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้กระป๋องได้อย่างสมบูรณ์ เพราะในบางกรณีการใช้วัสดุอื่นก็อาจจะไม่เหมาะสมกับสินค้าบางประเภท ดังนั้นการใช้กระป๋องเพื่อบรรจุสินค้าอาจจะกลับมามีความสำคัญอีกครั้งในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อบรรจุภัณฑ์กระป๋องมีการพัฒนาให้มีความยั่งยืนและมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสร้างมูลค่าและรายได้ให้กับองค์กรในอนาคตอีกด้วย 2. PACKAGING AS THE PRODUCT บรรจุภัณฑ์คือผลิตภัณฑ์ ในความหมายของ "Packaging as the Product" นั้นหมายถึง การใช้บรรจุภัณฑ์เป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ที่ขาย ไม่ใช่แค่สิ่งที่ห่อหุ้มสินค้าเพียงเท่านั้น ตัวอย่างเช่น แบรนด์ Urban Forest ที่ออกแบบบรรจุภัณฑ์หมอนรองคอ ที่สามารถนำบรรจุภัณฑ์มาสูบลมเข้าไปได้ หรือแม้กระทั่ง แบรนด์ F Solid Pod ที่เป็นบรรจุภัณฑ์สบู่ที่ช่วยให้ใช้ได้หมดเกลี้ยง โดยทำมาจากพลาสติก Recycle ด้วยการมี Function ที่ใช้งานได้ดีและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานอย่างเหมาะสม หรือแม้กระทั่งเป็นการมองหาวัสดุและกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 3. BOLD IS KING น้อย เรียบ ชัด เทรนด์นี้ยังคงเป็นเทรนด์ของโลกอย่างต่อเนื่อง มันคือความเรียบง่าย แต่ความเรียบง่ายที่ว่านี้มันเพิ่มเติมมาจากโลกที่กำลังฟื้นตัวจากการระบาดของโควิด แม้ว่าร้านค้าจะกลับมาเปิด แต่พฤติกรรมของผู้คนยังคงซื้อของออนไลน์อยู่ แต่บางส่วนเริ่มกลับมาซื้อของ Offline กันมากขึ้น ซึ่งถือเป็นการโดดเด่นในหลายๆ Platform ทั้งหน้าร้านและในออนไลน์ โดยแบรนด์จะต้องมีการออกแบบและสร้างสรรค์สินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่เน้นความเรียบง่ายและชัดเจนอย่างมากขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มความน่าสนใจและดึงดูดความสนใจของลูกค้า โดยอาจจะใช้สีที่เด่นชัดและเข้มข้นเพื่อเป็นจุดเด่นหรือการใช้ตัวอักษรใหญ่และการมี QR Code เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงข้อมูลสินค้าได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว 4. DIVERSITY AND INCLUSIVITY / DESIGN FOR GOODS การออกแบบเพื่อสังคม เทรนด์นี้ยังคงมีความต่อเนื่องมาจาก 2 ปีที่แล้ว เพราะหลายๆ ประเด็นที่เป็น Social Issues นั้นยังค่อยๆ รับการแก้ไขในภาพกว้าง หลายๆ แบรนด์เริ่มลุกขึ้นมาป่าวประกาศว่า จุดยืนเรานั้น ยอมรับความหลายหลายของบุคคล ไม่ว่าจะเป็น เรื่องเพศสภาพ, ทุกพลภาพ, ชาติพันธุ์, อายุ , สีผิว และความเหลื่อมล้ำ นอกจากนี้ การให้ความสำคัญกับความหลากหลายและความรับรู้ถึงความแตกต่างของบุคคลยังเป็นเรื่องสำคัญในการสร้างสังคมที่แข็งแกร่งและยั่งยืนด้วยการสนับสนุนความเป็นอยู่ของทุกคนในสังคม โดยไม่สร้างความแตกแยกใดๆ ในการดำเนินการทางธุรกิจ หรือการผลิตสินค้า แบรนด์ที่เห็นค่าของความหลากหลายและความเป็นอยู่ของทุกคนมักจะได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าและกลุ่มเป้าหมายของตนเองได้ดียิ่งขึ้น 5. CRAFT AND DETAILING โหยหารายละเอียด ในขณะที่ก่อนหน้านั้นสถานการณ์โควิด ส่งผลกระทบในวงกว้าง ทำให้ผู้บริโภคลดการสัมผัส และจับต้อง จึงส่งผลให้เทรนด์ CRAFT AND DETAILING นี้ เราจะเห็นการเน้นความละเอียดในการออกแบบสินค้าและบรรจุภัณฑ์ โดยใช้เทคนิคการผสมผสานการสร้างงานฝีมือและเทคโนโลยี ซึ่งทำให้ได้ผลงานที่มีคุณภาพสูงและมีความเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 นี้ การเน้นรายละเอียดและคุณภาพในการออกแบบสินค้าและบรรจุภัณฑ์จึงมีความสำคัญอย่างมาก เพราะผู้บริโภคจะต้องการสินค้าที่มีคุณภาพสูง สมบูรณ์แบบ และสัมผัสได้ เพราะการสัมผัสที่ทำให้การออกแบบนั้นมีมิติที่เหนือกว่าการมองเห็น และสามารถเปิดประสบการณ์ให้กับผู้บริโภคที่กว้างขึ้น 6. NEXT LEVEL SMART PACKAGING อีกขั้นของสมาร์ทแพคเกจจิ้ง เราเห็นว่าแบรนด์หลายแห่งกำลังพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น รหัส QR Code ที่เชื่อมโยงไปยังข้อมูลของผลิตภัณฑ์ การใช้เทคโนโลยี RFID (Radio-Frequency Identification) เพื่อติดตามสถานะของสินค้า หรือการพัฒนาแพ็คเกจจิ้งที่มีความอัจฉริยะในการตรวจสอบความเสียหายของสินค้าระหว่างการขนส่ง หรือแม้แต่ FaceGym ที่เป็นแบรนด์ความงาม ที่สามารถบอกเล่าเรื่องราวการสอนการ Training เรื่องการดูแลผิวหน้าผ่านโซเชียลมีเดีย ทั้งนี้ ทำให้สมาร์ทแพคเกจจิ้งกลายเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการสร้างประสบการณ์การซื้อสินค้าที่ดี ปลอดภัยให้กับผู้บริโภค และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำ 7. ICONIC & VISUAL IDENTITY อัตลักษณ์ต้องมา ทุกวันนี้ไม่เพียงแต่บรรจุภัณฑ์ที่มีบทบาทสำคัญ ยังรวมไปถึงการทำ Brand Identity ที่สามารถจะออกแบบอัตลักษณ์ให้กลายเป็นภาพจำให้คนจดจำได้ เช่น สี รูปทรง ตัวอักษร โลโก้ ภาพถ่าย และ ไอคอนต่างๆ เพื่อให้สามารถสื่อความหมายและความต้องการของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงความเป็นเอกลักษณ์และเป็นที่จดจำของ Iconic & Visual Identity ที่ออกแบบ เพื่อให้ผู้บริโภคจดจำและรู้จักแบรนด์ของเราได้ง่ายขึ้น ในที่สุด Iconic & Visual Identity จะเป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและเสถียรภาพของแบรนด์ให้กับผู้บริโภคด้วย 8. BACK OF PACKAGING ด้านหลังฉลากที่สำคัญ ปฏิเสธไม่ได้ว่ายุคนี้ต่างจากยุคที่ผ่านมาอย่างมาก เพราะผู้บริโภคในยุคปัจจุบันเริ่มอ่านฉลากมากขึ้น คนมองหาคุณประโยชน์ของสินค้า ผ่านข้อมูลโภชนาการ ส่วนประกอบสำคัญ แม้กระทั่ง GDA ที่อยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังของบรรจุภัณฑ์ ด้วยเหตุนี้ บรรจุภัณฑ์ที่ดีควรมีข้อมูลที่สมบูรณ์และสื่อความหมายอย่างชัดเจนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจเลือกสินค้าได้อย่างถูกต้องและมีความมั่นใจในการใช้งานโดยทั่วไป 9. SUSTAINABILITY IS NOT A TREND สิ่งแวดล้อมจะไม่ใช่กระแสอีกต่อไป ความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญในยุคปัจจุบัน และจะยิ่งสำคัญขึ้นอีกในอนาคต เมื่อปัญหาสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนในการผลิตและบรรจุภัณฑ์ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของความรับผิดชอบสังคมของผู้ผลิตและผู้ประกอบการเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้บริโภคด้วย เพราะผู้บริโภคในยุคปัจจุบันมีการสังเกตและให้ความสำคัญกับการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืนและไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นผู้ผลิตและผู้ประกอบการจึงต้องมีการคำนึงถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมในการออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ของตนเอง เพื่อให้สามารถรองรับกับการเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมได้ในอนาคต และเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างภาพลักษณ์และสร้างความไว้วางใจให้กับผู้บริโภคด้วย 10. GLORY OF THE BRAND STORY เรื่องราวที่รุ่งเรือง เทรนด์นี้ยังคงต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว เพราะ Story ถือเป็นความแตกต่างในอีกมุมมองหนึ่ง อีกทั้งมันเชื่อมโยงระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์ของคุณ เพราะสมองของมนุษย์นั้นเสพติดเรื่องราวต่างๆ ของแบรนด์ และเป็นส่วนทำให้ผู้บริโภคจดจำแบรนด์ของเราได้ การเล่าเรื่องราวของแบรนด์จะช่วยสร้างความสนใจและความลึกซึ้งให้กับผู้บริโภค โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ผู้บริโภคมีความต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และแบรนด์ที่ตนสนใจ นอกจากนี้ เรื่องราวที่เป็นเรื่องจริงและมีความหมายสำคัญยังช่วยสร้างความสัมพันธ์อันเชื่อมั่นและความไว้วางใจระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์ของคุณอีกด้วย และนี่คือ 10 เทรนด์ออกแบบบรรจุภัณฑ์ ปี 2566 จากนักออกแบบผีมือระดับโลก อย่าง คุณสมชนะ กังวารจิตต์ ที่ได้นำมาฝากเอาไว้ หวังว่าคงพอเป็นประโยชน์ และเป็นแนวทางสร้างสรรค์ในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ผู้ประกอบการธุรกิจได้บ้าง ไม่มากก็น้อย หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมหรือต้องการใช้บริการผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ประเภทต่างๆ สามารถเข้ามายัง Website เพื่อติดต่อบริษัทนั้นๆ หรือสามารถติดตามข่าวสารที่น่าสนใจได้ผ่านช่องทาง Facebook ที่ให้บริการโดยตรงของทาง At-Once เนื่องจากเราได้ทำการรวบรวมรายชื่อบริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจบริการออกแบบบรรจุภัณฑ์โดยเฉพาะ ซึ่งมั่นใจได้ว่าธุรกิจของคุณจะได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างแน่นอน https://adaddictth.com/exclusive/Packaging-Design-Trends-2023 https://www.brandbuffet.in.th/2023/01/prompt-design-10-packaging-trend-2023/

รวมกล่องถนอมอาหารเวฟได้ ไม่เป็นอันตราย
  • 17-03-23
  • 298

กล่องแก้วถนอมอาหาร กล่องถนอมอาหารเวฟได้ Borosilicate Glass At-Once ค้นหาบริษัท บริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ ออกแบบบรรจุภัณฑ์ รวมกล่องถนอมอาหารเวฟได้ ไม่เป็นอันตราย สำหรับบทความนี้ เราจะมาแนะนำกล่องถนอมอาหารเวฟได้ บอกเลยว่าใช้งานง่าย โดยนำเข้าไมโครเวฟอุ่นอาหารได้อย่างปลอดภัย โดยที่เราไม่ต้องเปลี่ยนภาชนะใส่อาหารให้ยุ่งยาก แถมที่เราคัดมาให้นี้ ก็มีรูปแบบการดีไซน์ที่มินิมอลไม่ซ้ำใคร ซึ่งจะมียี่ห้อไหนบ้าง ตามมาดูกันเลย 1. LocknLock รุ่น LLG428GRY เป็นกล่องแก้วถนอมอาหารที่มีความทนทานและมีคุณภาพสูง สามารถใช้งานได้ในอุณหภูมิต่างๆ โดยวัสดุที่ผลิตจากแก้ว Borosilicate Glass ที่มีความทนทานสูงมากกว่า 120°C พร้อมฝา PP ทนอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -20°C~120°C และยางซิลิโคนทนอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -40°C~200°C ทั้งยังสามารถนำเข้าช่องแข็งและนำเข้าไมโครเวฟได้อย่างปลอดภัย เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานกล่องแก้วนี้ได้หลากหลายและสะดวกสบาย https://www.locknlock.co.th/product/%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%96%e0%b8%99%e0%b8%ad%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a3-%e0%b8%9d%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b9%87%e0%b8%ad%e0%b8%81-630ml-llg428gry/ 2. Super Lock รุ่น 6086 เป็นกล่องแก้วถนอมอาหารที่ผลิตจากแก้ว Borosilicate Glass ที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัว คือ มีความแข็งแรง ทนต่อแรงกระแทกสูง แข็งแรงกว่าแก้วทั่วไป เหมาะสำหรับเก็บอาหารประเภทน้ำและของเหลวได้โดยไม่หก ไม่รั่วซึม ด้วยเทคโนโลยี Microban ช่วยยับยั้งเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย ตัวฝาวัสดุ BPA Free ปราศจากสารก่อมะเร็ง ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งกับช่องแช่แข็ง ไมโครเวฟ และเตาอบ แม้อยู่ในอุณหภูมิร้อนและเย็น สูงสุด -20 และ 400 องศาเซลเซียส (เฉพาะตัวกล่องแก้ว) เหมาะสำหรับเก็บอาหารในบ้านหรือพกพาไปทานนอกบ้านก็สะดวกสุดๆ https://www.micronware.co.th/product/super-lock-%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%96%e0%b8%99%e0%b8%ad%e0%b8%a1%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%81%e0%b8%81%e0%b9%89%e0%b8%a7-%e0%b8%97%e0%b8%a3-5 3. Zwilling รุ่น Gusto 600 ml. กล่องแก้วถนอมอาหารจากแบรนด์ Zwilling ที่ทำมาจากแก้ว Borosilicate Glass ที่มีคุณภาพสูง และมีความทนทานเป็นอย่างมาก มาพร้อมฝาปิดพลาสติกที่ป้องกันการรั่ว ใช้งานได้อย่างเอนกประสงค์ ซึ่งสามารถนำไปแช่ไปทั้งตู้เย็นและช่องแช่แข็ง อุ่นในเตาอบและไมโครเวฟ โดยที่คุณสามารถเตรียมการปรุงอาหารใส่ในกล่องแก้วนี้และปรุงอาหารในเตาอบหรือเตาไมโครเวฟ ด้วยความร้อนสูงสุด 180 องศาเซลเซียส ต่ำสุด -18 องศาเซลเซียส https://www.zwilling.com/us/zwilling-gusto-storage-0.625-qt-borosilicate-glass-rectangular-storage-container-39506-001/39506-001-0.html?ref=searchsuggestion 4. Double Lock รุ่น 1935A กล่องแก้วถนอมอาหารผลิตจากแก้ว Borosilicate Glass และฝาผลิตจาก PP อย่างดี มาพร้อมซีลยางซิลิโคนอย่างแน่นหนาแข็งแรง สามารถเก็บกลิ่นอาหารได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะอาหารหรือน้ำก็ไม่หกเลอะเทอะและไม่รั่วซึม ที่สำคัญยังสามารถช่วยถนอมอาหารให้สดใหม่ได้นานกว่าเดิม โดยอุ่นอาหารด้วยไมโครเวฟได้สูงถึง 400°C (ยกเว้นฝา) https://www.jcjplas.com/index.php/th/food-keeper-%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3/borosilicate-glass-%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7-1942a ทั้งหมดนี้ เป็นกล่องถนอมอาหารเวฟได้ ที่ทาง At-Once ของเราได้ทำการคัดมาให้แต่ละยี่ห้อ ใครสนใจหรือชอบรุ่นไหนเป็นพิเศษก็สามารถไปหาซื้อตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไปได้เลยนะคะ และสำหรับใครที่ต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ สามารถเข้ามายัง Website ของเราเพื่อติดต่อบริษัทนั้นๆ หรือสามารถติดตามข่าวสารที่น่าสนใจได้ผ่านช่องทาง Facebook ที่ให้บริการโดยตรงของทาง At-Once เนื่องจากเราได้ทำการรวบรวมรายชื่อบริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจบริการออกแบบโดยเฉพาะ ซึ่งมั่นใจได้เลยว่าสามารถช่วยให้ธุรกิจของคุณได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างแน่นอน

สิ่งที่ควรรู้ ก่อนเริ่มดีไซน์แพคเกจจิ้ง
  • 16-03-23
  • 224

ออกแบบแพคเกจจิ้ง แพคเกจจิ้ง At-Once ดีไซน์แพคเกจจิ้ง บรรจุภัณฑ์ บริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ สิ่งที่ควรรู้ ก่อนเริ่มดีไซน์แพคเกจจิ้ง การดีไซน์แพคเกจจิ้งแบบไหนให้ออกมาดี? เพื่อให้ตอบโจทย์การตลาดและกลุ่มเป้าหมายของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ถือเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายๆ คนกันเลยทีเดียว ดังนั้น วันนี้ทาง At-Once ของเราจะมาหาคำตอบของข้อสงสัยเหล่านี้กัน ว่าสิ่งที่ควรรู้อับดับแรกๆ ก่อนการเริ่มดีไซน์แพคเกจจิ้งมีอะไรบ้าง เพื่อให้ง่ายต่อทิศทางการโปรโมทสินค้าในอนาคต 1. สินค้าของคุณคืออะไร? ก่อนการดีไซน์แพคเกจจิ้ง จะต้องพิจารณากันก่อนว่าสินค้าของคุณเป็นสินค้าประเภทไหน ทำจากอะไร ขนาดของสินค้าเท่าไร ความคงทนเป็นอย่างไร เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนมีผลต่อการดีไซน์แพคเกจจิ้งทั้งสิ้น ในขณะที่สินค้าเปราะบางแตกง่าย ต้องการแพคเกจจิ้งที่มั่นคงแข็งแรง รองรับการกระแทกขณะขนส่ง สินค้ารูปทรงแปลกตา อาจต้องการออกแบบพิเศษที่พิถีพิถันมากกว่าการเลือกใช้กล่องรูปทรงธรรมดา เพื่อสามารถช่วยให้การจัดการแพคเกจจิ้งเหมาะสมกับสินค้าและสามารถป้องกันสินค้าได้เป็นอย่างดี 2. ใครคือผู้ซื้อสินค้า? ผู้ซื้อสินค้าสามารถเป็นได้ทุกกลุ่ม เช่น ผู้ชาย ผู้หญิง เด็กเล็ก หรือผู้ใหญ่ แต่ความต้องการและการใช้งานของสินค้าอาจแตกต่างกันไปตามกลุ่มเป้าหมาย ตัวอย่างเช่น สินค้าประเภทเสื้อผ้ากีฬา อาจมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ชายและผู้หญิงที่มีความสนใจในเรื่องของกีฬา ส่วนสินค้าของเด็กเล็กอาจมีกลุ่มเป้าหมายเป็นพ่อแม่ที่ต้องการซื้อของเล่นหรือเสื้อผ้าสำหรับเด็ก เป็นต้น ดังนั้น การดีไซน์แพคเกจจิ้งควรคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายของสินค้า เพื่อสร้างความน่าสนใจและดึงดูดความสนใจของกลุ่มลูกค้านั้นๆ ด้วยรูปแบบและสไตล์ของแพคเกจจิ้งที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว เพื่อสามารถกำหนดทิศทางการดีไซน์ได้ง่ายขึ้นนั่นเอง 3. สินค้าจะถูกจำหน่ายอย่างไร ? การจำหน่ายสินค้าขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยลักษณะของสินค้านั้นๆ โดยให้มองว่าคุณมีกลุ่มลูกค้าเป็นเป้าหมายสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น การตั้งสินค้าหน้าร้าน หรือการขายผ่านช่องทางออนไลน์ ดังนั้น การตัดสินใจเลือกช่องทางการจำหน่ายสินค้าไม่ควรพิจารณาจากสถานที่แพงๆ อย่างเดียว คุณจะต้องศึกษาการตลาดนั้นด้วยว่าทาเก็ตของคุณใช้บริการผ่านช่องทางไหนมากที่สุด และหากเมื่อนำสินค้าไปวางบนชั้นวางจัดจำหน่าย และมีคู่แข่งเป็นสินค้าประเภทเดียวกัน สินค้าของคุณจะต้องมีรูปแบบการดีไซน์ที่โดดเด่นและแตกต่าง เพื่อดึงดูดสายตามากที่สุด ทั้งนี้ หากคุณสนใจดีไซน์แพคเกจจิ้ง สามารถเข้ามายัง Website เพื่อติดต่อบริษัทนั้นๆ หรือสามารถติดตามข่าวสารที่น่าสนใจได้ผ่านช่องทาง Facebook ที่ให้บริการโดยตรงของทาง At-Once เนื่องจากเราได้ทำการรวบรวมรายชื่อบริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจบริการออกแบบบรรจุภัณฑ์โดยเฉพาะ ซึ่งมั่นใจได้เลยว่าธุรกิจของคุณจะได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างแน่นอน https://www.locopack.co/th/articles/1

เช็คให้ชัวร์ ก่อนใช้กล่องพลาสติกใส่อาหารเข้าไมโครเวฟ
  • 16-03-23
  • 275

กล่องพลาสติกใส่อาหาร กล่องพลาสติกใส่อาหารเข้าไมโครเวฟ พลาสติก CPET พลาสติกโพลีเอทิลีน พลาสติกรีไซเคิล พลาสติก At-One Microwave Safe Microwavable ค้นหาบริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ บริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ ออกแบบบรรจุภัณฑ์ เช็คให้ชัวร์ ก่อนใช้กล่องพลาสติกใส่อาหารเข้าไมโครเวฟ การเลือกกล่องพลาสติกใส่อาหารสำหรับนำไปเข้าไมโครเวฟเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากวัสดุไม่สามารถรับความร้อนได้ดีพอ จึงทำให้เกิดการร้อนจัดในบริเวณพลาสติก ดังนั้น ถ้าเราเลือกใช้วัสดุที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้อาหารมีการปนเปื้อนสารบางอย่างจากภาชนะ และอาจทำให้เกิดการระเบิดหรือไฟไหม้ได้เช่นกัน วันนี้ทาง At-One จึงมาแนะนำกล่องพลาสติกใส่อาหารที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้ เพื่อให้สามารถใช้งานไมโครเวฟได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจว่าอาหารของเราจะอบออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบนั่นเอง กล่องพลาสติกใส่อาหารที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้ มี 2 ประเภท 1. พลาสติก CPET (Crystallized Polyethylene Terephthalate) เป็นวัสดุที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกโพลีเอทิลีน (PET : Polyethylene Terephthalate) พลาสติกประเภทที่ 1 ชนิดเดียวกันกับที่ใช้ผลิตขวดน้ำพลาสติก แต่พลาสติก CPET จะมีความแตกต่างออกไปตรงที่มีการเติมสาร Nucleating Agents เพื่อปรับปรุงคุณสมบัติให้ดีขึ้น มีความแข็งแรงและทนทานต่อความร้อนได้เป็นอย่างดี สามารถนำไปใช้กับไมโครเวฟได้โดยไม่เกิดการละอองไฟหรือระเบิด รวมถึงป้องกันการซึมผ่าน ไม่ให้อากาศเข้า-ออกได้ง่าย นิยมนำมาใช้เป็นกล่องใส่อาหารสำเร็จรูปแช่แข็งอย่างที่เห็นกันในร้านสะดวกซื้อทั่วไป และสามารถนำเข้าไมโครเวฟหรือเตาอบได้ โดยสามารถทนความร้อนได้สูงถึง 230 องศาเซลเซียส โดยทั่วไปแล้ว พลาสติก CPET ชนิดนี้ จะมีความหนาเพียงพอที่เพียงพอต่อการระเบิด แต่ก็ยังต้องระมัดระวังในการใช้งานให้ถูกต้องตามข้อกำหนดของผู้ผลิตด้วยเช่นกัน 2. พลาสติก PP (Polypropylene) พลาสติกรีไซเคิลได้ประเภทที่ 5 เป็นพลาสติกที่มีความเหนียว มีความยืดหยุ่น ทนทานต่อแรงดึง อากาศสามารถผ่านได้เล็กน้อย แต่น้ำไม่สามารถซึมผ่านได้ นอกจากจะใช้เก็บอาหารสด อาหารแปรรูป และอาหารแช่แข็งได้ดี ทนต่อสารเคมีและอาหารที่มีฤทธิ์กัดกร่อนได้เล็กน้อยแล้ว โดนสามารถทนความร้อนได้ถึง 110 องศาเซลเซียส ดังนั้น จึงทำให้พลาสติกชนิดนี้สามารถใช้ใส่อาหารเพื่ออุ่นร้อนในไมโครเวฟได้โดยไม่เกิดการละอองไฟหรือระเบิด ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย สำหรับภาชนะมีฝาปิดควรนำฝาออกก่อน เพราะอาจจะผลิตจากพลาสติกต่างชนิดกันและเป็นประเภทที่ไม่สามารถทนต่อความร้อนสูงได้ ทั้งนี้ พลาสติก PP (Polypropylene) จะมีความต้านทานต่อความร้อนต่ำกว่าพลาสติก CPET (Crystallized Polyethylene Terephthalate) อาจทำให้ไม่เหมาะสำหรับการใช้กับอาหารแห้งและมีอุณหภูมิสูงนั่นเอง อย่างไรก็ตาม เมื่อเรานำกล่องพลาสติกใส่อาหารเข้าไมโครเวฟทุกครั้ง แนะนำให้มองหาและเลือกใช้พลาสติกที่มีสัญลักษณ์ Microwave Safe หรือ Microwavable จะดีที่สุด เพื่อเป็นการยืนยันว่าวัสดุชิ้นนั้นสามารถใช้กับไมโครเวฟได้อย่างปลอดภัยโดยไม่มีสารเคมีอันตรายปนเปื้อนในอาหาร และสำหรับท่านใดที่ต้องการค้นหาบริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ สามารถเข้ามายัง Website เพื่อติดต่อบริษัทที่ให้บริการออกแบบนั้นๆ หรือสามารถติดตามข่าวสารที่น่าสนใจได้ผ่านช่องทาง Facebook ที่ให้บริการโดยตรงของทาง At-Once เนื่องจากเราได้ทำการรวบรวมรายชื่อบริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจบริการออกแบบโดยเฉพาะ

เลือกกล่องบรรจุภัณฑ์แบบไหนให้เหมาะสมกับผักผลไม้
  • 14-03-23
  • 382

กล่องบรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ กล่องฝาชน 4 ชั้น กล่องบรรจุภัณฑ์แบบหูช้าง กล่องบรรจุภัณฑ์หูหิ้ว กล่องฝาครอบ บรรจุภัณฑ์ผลไม้ At-Once กล่องกระดาษ รวบรวมรายชื่อบริษัท บริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ เลือกกล่องบรรจุภัณฑ์แบบไหนให้เหมาะสมกับผักผลไม้ ในยุคปัจจุบันการส่งสินค้าทางไปรษณีย์และบริการส่งของออนไลน์ เป็นสิ่งที่มีความสำคัญและเป็นที่ยอมรับกันมาก เนื่องจากรูปแบบการซื้อขายออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลไม้หรือพืชผลทางการเกษตรและอื่นๆ ที่คนส่วนใหญ่สามารถสั่งซื้อได้อย่างสะดวกสบายผ่านช่องทางออนไลน์ ดังนั้นเพื่อป้องกันความเสียหายต่อสินค้า ควรเลือกกล่องบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับผักผลไม้ หรือพืชผลทางการเกษตรแต่ละแบบ ดังนี้ 1. ผักและผลไม้ที่มีน้ำมาก : กล่องฝาชน 4 ชั้น แบบธรรมดาที่มีความหนาแน่น เป็นกล่องบรรจุภัณฑ์แบบฝาชนทรงสี่เหลี่ยมธรรมดา เรียบง่าย สามารถเปิดได้จากด้านบนและด้านล่าง นิยมใช้มากที่สุดในการขนส่งสินค้าแบบจัดส่งออนไลน์ โดยข้อดีของกล่องชนิดนี้ จะช่วยป้องกันการรั่วไหลของน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่สินค้าจะต้องขนส่งหรือจัดส่งไปยังที่หลายแหล่ง และอาจมีการขนส่งที่เป็นโรงงานหรือทางด่วนที่ต้องการเวลาการขนส่งสั้นๆ เนื่องจากกล่องกระดาษชนิดนี้มีพื้นที่ในการบรรจุผลไม้ได้มากกว่าแบบอื่นๆ และยังเหมาะสำหรับใช้บรรจุผลไม้ที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 5 กก. ขึ้นไปอีกด้วย ดังนั้น มั่นใจได้เลยว่า การเลือกใช้กล่องชนิดนี้จะช่วยกันกระแทก ช่วยป้องกันการเสียหายของสินค้า และช่วยให้ผู้ซื้อได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีอย่างมั่นใจมากขึ้นอย่างแน่นอน 2. ผลไม้และผักที่มีขนาดกลาง รูปทรงกลมหรือรูปทรงกระบอก : กล่องบรรจุภัณฑ์แบบหูช้าง กล่องบรรจุภัณฑ์แบบหูช้างเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการบรรจุผลไม้และผักที่มีขนาดกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผลไม้และผักที่มีรูปทรงกลมหรือรูปทรงกระบอก เช่น มะเขือเทศ แตงกวา มะละกอ ส้มโอ และผักอื่น ๆ ที่มีขนาดใหญ่ เช่น กะหล่ำปลี บวบ และแตงกวาญี่ปุ่น ซึ่งการใช้กล่องบรรจุภัณฑ์แบบหูช้าง สามารถช่วยป้องกันการเปียกชื้นของผลไม้และผักได้ดีกว่ากล่องอื่นๆ เนื่องจากมีรูปทรงที่ช่วยระบายอากาศและความชื้นได้ดี นอกจากนี้ การมีหูช้างสามารถช่วยให้ยกผลไม้และผักได้อย่างสะดวก เป็นการป้องกันการบดบังที่อาจทำให้ผลไม้และผักเสียหาย เนื่องจากคุณสมบัติสำคัญของกล่องบรรจุภัณฑ์แบบหูช้าง คือ คล้ายกับกล่องฝาเสียบ จะปิดทับซ้อนกับผนังกล่องด้านหน้า และมี 2 หูช้างเสียบเข้าที่ช่องของผนังกล่องด้านข้าง พับขึ้นรูปได้สะดวก สามารถเปิด-ปิดที่สะดวกและรวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้เทปกาว ดังนั้น การเลือกใช้กล่องบรรจุภัณฑ์แบบหูช้าง ถือเป็นวิธีที่ดีสำหรับการขนส่งผลไม้และผักให้ถึงผู้รับสินค้าอย่างปลอดภัยและสะดวกสบายนั่นเอง 3. ผลไม้และผักที่มีขนาดเล็กถึงกลาง : กล่องบรรจุภัณฑ์หูหิ้ว กล่องบรรจุภัณฑ์หูหิ้วเหมาะสำหรับผลไม้และผักที่มีขนาดเล็กถึงกลาง อาทิเช่น มะละกอ แตงกวา สับปะรด มะเขือเทศ กล้วย และผักที่มีขนาดเล็กถึงกลาง เช่น ผักกวางตุ้ง คะน้า ผักบุ้ง ผักกาดขาว และผักอื่น ๆ ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากๆนอกจากนี้ กล่องบรรจุภัณฑ์หูหิ้วยังเหมาะสำหรับการใช้ในการจัดเก็บและขนส่งผลไม้และผักโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณต้องการจัดเก็บหรือขนส่งผลไม้และผักในปริมาณมากๆ โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้ผลไม้และผักเสียหาย ดังนั้น ถ้าคุณมีความต้องการที่จะบรรจุผลไม้และผักที่มีขนาดเล็กถึงกลาง กล่องบรรจุภัณฑ์หูหิ้วจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ 4. ผลไม้และผักที่ที่มีขนาดใหญ่หรือมีน้ำหนัก : กล่องฝาครอบ กล่องฝาครอบ ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการบรรจุภัณฑ์ผลไม้ที่มีน้ำหนักหนักๆ เช่น ทุเรียน มะม่วง แตงโม ส้มโอ และผลไม้อื่นๆ เนื่องจากมีการออกแบบให้แข็งแรงและสามารถคลุมบรรจุภัณฑ์ได้เต็มพื้นที่ ทำให้สินค้าภายในได้รับการปกป้องอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ การออกแบบฝาครอบยังช่วยให้สามารถโชว์สินค้าได้อย่างง่ายดาย และให้ความสะดวกในการใช้งาน เนื่องจากสามารถเปิด-ปิดกล่องได้ง่ายนอกจากนี้ การออกแบบฝาครอบยังสามารถป้องกันการเปียกและเสียหายจากฝนหรือความชื้นได้ดีเช่นกัน ดังนั้น กล่องฝาครอบเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการบรรจุภัณฑ์ผลไม้ที่มีน้ำหนักหนักๆ และต้องการความสะดวกในการใช้งาน ดังนั้น ถ้าคุณมีความต้องการที่จะบรรจุผลไม้ที่มีขนาดใหญ่หรือมีน้ำหนักหนัก กล่องฝาครอบจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ ทั้งนี้ หากคุณสนใจออกแบบบบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยในการจัดส่งสินค้าทางไปรษณีย์และบริการส่งของออนไลน์สามารถเข้ามายัง Website เพื่อทำการติดต่อบริษัทนั้นๆ หรือสามารถติดตามข่าวสารที่น่าสนใจได้ผ่านช่องทาง Facebook ที่ให้บริการโดยตรงของทาง At-Once เนื่องจากเราได้ทำการรวบรวมรายชื่อบริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจเข้ามาเลือกใช้บริการโดยเฉพาะ และหากใครที่มีคำถามเพิ่มเติมหรือข้อสงสัยอื่นๆ โปรดอย่าลังเลที่จะติดต่อมาถามกับทาง At-Once ของเรานะคะ https://www.locopack.co/th/articles/35

แชร์ไอเดียในการออกแบบบรรจุภัณฑ์แพคเกจจิ้งแบบมินิมอล
  • 13-03-23
  • 474

บรรจุภัณฑ์ แพคเกจจิ้ง แพคเกจจิ้งแบบมินิมอล บริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ วัสดุรักษ์โลก กระดาษรีไซเคิล วัสดุรีไซเคิล วัสดุไบโอดีกระดาษ พลาสติก ผลิตงานพิมพ์ At Once แชร์ไอเดียในการออกแบบบรรจุภัณฑ์แพคเกจจิ้งแบบมินิมอล เทรนด์การออกแบบบรรจุภัณฑ์และแพคเกจจิ้งแบบมินิมอล (minimal design) นั้น ยังคงเป็นกระแสที่ดีและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากความเรียบง่ายและการสื่อสารที่ชัดเจน ทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความสง่างามและความโปร่งใสของผลิตภัณฑ์ อีกทั้งยังสื่อสารได้ชัดเจนและเข้าใจง่าย ดังนั้น จึงทำให้การออกแบบแบบมินิมอลมีผลต่ออุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์และแพคเกจจิ้งเป็นอย่างมาก ซึ่งบริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ต่างก็หยิบเทรนด์มินิมอลไปพัฒนาออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์และแพคเกจจิ้งเอาใจคนรุ่นใหม่อีกด้วย 5 ไอเดียในการออกแบบบรรจุภัณฑ์แบบมินิมอล 1. เน้นโลโก้ LOGO is matter การให้ความสำคัญกับโลโก้เป็นสิ่งที่สำคัญในการออกแบบบรรจุภัณฑ์และแพคเกจจิ้งโลโก้เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อสารคุณค่าของผลิตภัณฑ์หรือบริการ ดังนั้น สำหรับไอเดียนี้ จะมุ่งเน้นไปที่โลโก้โดยเฉพาะ เพื่อสร้างความโดดเด่นให้กับโลโก้ ดังนั้น ควรดีไซน์สีพื้นหลังของบรรจุภัณฑ์เป็นสีพื้นแบบไม่มีลวดลาย โดยให้สีโลโก้กับสีพื้นหลังตัดกัน ก็จะดูโดดเด่นขึ้นมาทันที และวิธีนี้จะช่วยให้ลูกค้าของคุณสร้างการจดจำต่อแบรนด์ได้ดีอีกด้วย 2. การใช้สีเดียว หรือ Monochrome Color Design การใช้สีเดียว หรือ Monochrome Color Design เป็นเทรนด์ที่มีความนิยมในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ในปัจจุบัน เพราะสามารถสร้างความเรียบง่ายและทันสมัย ซึ่งอาจดีไซน์โดยการไล่เฉดสี ลดหลั่นความเข้ม-ความอ่อน หรืออาจใช้เพียงสีเดียวที่น้ำหนักสีเท่ากันก็ได้ ถือเป็นการช่วยประหยัดต้นทุนในการพิมพ์และผลิตบรรจุภัณฑ์ 3. ดีไซน์แบบเจาะใสโชว์สินค้า การออกแบบบรรจุภัณฑ์ด้วยไอเดียนี้ เป็นวิธีที่ดีในการโชว์สินค้าและสร้างความน่าสนใจให้กับผู้บริโภค เพราะเมื่อผู้บริโภคเห็นสินค้าภายในบรรจุภัณฑ์ได้ จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในสินค้าและยังช่วยให้ลูกค้ามีการตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้นด้วยนอกจากนี้ การใช้เจาะใสยังช่วยให้ผู้บริโภคมีความรู้สึกว่าบรรจุภัณฑ์มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะสามารถมองเห็นสินค้าภายในและช่วยให้ลูกค้ามีประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้นกับสินค้าของคุณ 4. วัสดุรักษ์โลก วัสดุรักษ์โลกเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตและการใช้งานวัสดุ นอกจากนี้ยังช่วยลดต้นทุนในการผลิตและสามารถนำวัสดุที่ไม่ได้ใช้แล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เช่น วัสดุไบโอดีกระดาษหรือพลาสติกที่สามารถย่อยสลายได้ เพื่อช่วยให้ผู้ผลิตและผู้ใช้วัสดุเข้าใจถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม 5. เน้นเฉพาะองค์ประกอบจำเป็น หรือ Special issue only การเน้นเฉพาะองค์ประกอบจำเป็นหรือ Special issue only เป็นการออกแบบที่เน้นความเป็นระเบียบและองค์ประกอบที่สำคัญเท่านั้น ที่ให้ความรู้สึกถึงความเรียบง่าย ดูคลีน อย่างการตัดทอนสี ลบข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องออก ใส่เฉพาะสิ่งที่จำเป็นต้องมีเท่านั้น โดยใช้ข้อมูลและองค์ประกอบที่เป็นส่วนสำคัญในการสื่อสารหรือการนำเสนอข้อมูล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความชัดเจนในการสื่อสารนั่นเอง ทั้งหมดนี้ ถือเป็นการแชร์ไอเดียในการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์แพคเกจจิ้งแบบมินิมอล เนื่องจากแพคเกจจิ้งนั้นถือเป็นส่วนหนึ่งของทางผลิตภัณฑ์ ที่ไม่เพียงแต่ให้ความสวยงานของแพคเกจจิ้งเท่านั้น ยังสามารถช่วยเพิ่มโอกาสทางการขายสินค้าได้อีกช่องทางหนึ่งเช่นกัน หากคุณอยากได้คำปรึกษาด้านการออกแบบและการผลิตงานพิมพ์ต่างๆ สามารถเข้ามายัง Website ของ At Once เพื่อทำการติดต่อสอบถามกับทางบริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ได้โดยตรง โดยไม่เสียค่าบริการค่ะ https://www.smile-siam.com/2021/04/09/5-%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B8/

5 รายชื่อบริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์
  • 13-03-23
  • 456

รวมรายชื่อบริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ สำหรับใครที่กำลังสนใจอยากผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อการค้าที่ได้คุณภาพตามมาตรฐานการผลิต วันนี้เรามาแนะนำรายชื่อบริษัทที่ทาง At once ได้ทำการรวบรวมรายชื่อไว้ที่ให้บริการแบบครบวงจรมากที่สุด ซึ่งคุณสามารถสร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์ให้มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อจุดประกายให้คุณมีความคิดในการอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเองค่ะ บริษัท บุ๊คพลัส พับลิชชิ่ง จำกัด รับออกแบบและพิมพ์งานพิมพ์ระบบออฟเซ็ท และระบบดิจิตอล โดยทางบริษัทนี้ให้บริการและตอบสนองความต้องการของลูกค้าในด้านของงานพิมพ์ (Print On Demand) แบบ One Stop Service โดยเน้นการผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์และฉลากสินค้าที่มีคุณภาพสูงและตรงตามมาตรฐาน ซึ่งสามารถแขวนกับภาพลักษณ์และมาตรฐานของสินค้าได้ดี และใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ระดับสูงเพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพสูง บริการรวดเร็วและตรงต่อเวลา จึงเป็นที่นิยมของลูกค้าที่ต้องการงานพิมพ์ระดับสูงและบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามและมีคุณภาพสูงๆ ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์และมีประสบการณ์การออกแบบบรรจุภัณฑ์ Website : https://bookplus.co.th/ E-mail : sale@bookplus.co.th Tel : 0-2938-0950-9 https://www.at-once.info/th/package/cp/book-plus-publishing บริษัท เอส. เอ็น. พี. เปเปอร์ เป็นโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์ลูกฟูกแบบครบวงจร ซึ่งเป็นที่รู้จักในเรื่องคุณภาพความแข็งแรงของกระดาษ มีรูปแบบงานพิมพ์ที่สวยงามและละเอียด ด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัยและการบริการที่ประทับใจ โดยทางลูกค้าที่สนใจสามารถปรึกษาทุกด้านของการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ตั้งแต่ชนิดบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมจนไปถึงเรื่องการออกแบบเพื่อสร้างแบรนด์ โดยมีทีมงานคอยให้แนะนำตั้งแต่การเลือกชนิดของผลิตภัณฑ์ และความแข็งแรงที่เหมาะสมกับสินค้า นับว่าทุกกระบวนการผลิต ตั้งแต่การผลิต การออกแบบ การขนส่ง ทำให้สามารถรองรับได้ทุกความต้องการในทุกๆ ขั้นตอน Website : https://www.snp-paper.com/copy-of E-mail : info@snppaper.com Tel : 02-059-8282 กด 0 https://www.at-once.info/th/package/cp/s-n-p-paper บริษัท เซฟเฟอร์ แพค (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ให้บริการด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร เริ่มตั้งแต่การให้คำปรึกษาด้านบรรจุภัณฑ์ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ การให้ความรู้ด้านบรรจุภัณฑ์ประเภทต่างๆ การนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือนวัตกรรมด้านบรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้ทางบริษัทยังมุ่งเน้นช่วยในการผลิตบรรจุภัณฑ์ของลูกค้าให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นด้านการป้องกันตัวสินค้า ด้านการสร้างรูปแบบที่ดึงดูดความสนใจ การสร้างภาพลักษณ์และอัตลักษณ์ รวมถึงการสร้างมูลค่าทางให้กับสินค้าและการยืดอายุให้กับผลผลิตทางการเกษตรให้มีสภาพที่สวย สมบูรณ์ และเก็บรักษาได้นานยิ่งขึ้น Website : https://www.saferpac.co.th/ E-mail : saferpac001@gmail.com Tel : 02-063-0338 https://www.at-once.info/th/package/cp/safer-pac บริษัท เอซีพี แพ็คเกจจิ้ง จำกัด จากประสบการณ์การทำงานกว่า 15 ปี ของบริษัท เอ.ซี.พี. แพ็คเกจจิ้ง จำกัด แน่นอนว่ารูปแบบการผลิตบรรจุภัณฑ์ จะสามารถตอบโจทย์ใครหลายๆ คนอย่างแน่นอน ตั้งแต่บรรจุภัณฑ์พลาสติกขึ้นรูปแบบสูญญากาศ หรือ Thermoforming และ โรงงานเป่าถุงพลาสติก โดยทางบริษัทจะยึดถือหลักการ “ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ส่งมอบสินค้าตรงเวลา สร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้า ยึดหลักคุณธรรมในการทำงาน” เพื่อพัฒนาปรับปรุงขบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง ผลิตสินค้าคุณภาพดี ราคาถูก รวดเร็ว และตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด Website : https://www.acp-packaging.com/ E-mail : sales@acp-packaging.com Tel : 02-894-7778 https://www.at-once.info/th/package/cp/acp-packaging บริษัท พีพีเอ็ม แพค จำกัด เป็นบริษัทที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพด้านบรรจุภัณฑ์และเครื่องจักรที่ใช้งานกับบรรจุภัณฑ์ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพและราคาที่สมเหตุสมผล โดยการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีเป็นพิเศษ เนื่องจากบรรจุภัณฑ์ที่ดีจะสามารถบ่งบอกถึงภาพลักษณ์ คุณภาพและมาตรฐานของสินค้าได้ ดังนั้น บริษัทมุ่งพัฒนาและพิถีพิถันในทุกขั้นตอนการผลิตเพื่อให้ได้รับการบริการที่ดีมีมาตรฐานที่สุด โดยเน้นให้ความสำคัญกับการตอบสนองความต้องการของลูกค้า และสร้างความโดดเด่นให้กับผลิตภัณฑ์ของบริษัทในตลาด โดยการใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยและการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีเป็นพิเศษ ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง มีมาตรฐานและราคาที่เหมาะสมกับต้องการของตลาด Website : https://www.ppmpack.com/ E-mail : ppmpack.c@gmail.com Tel : 02-175-5709 โดยทั้ง 5 บริษัทนี้ ถือมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อการค้า และมีคุณภาพในการบริการผลิตภัณฑ์ที่สร้างความพึงพอใจและสามารถตอบโจทย์ความต้องการอย่างสูงสุด ทั้งนี้ หากคุณสนใจหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้ามายัง Website At once ของเราได้ เนื่องจากเราได้ทำการรวบรวมรายชื่อบริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจเข้ามาเลือกใช้บริการโดยเฉพาะ เพื่อ.ให้คุณง่ายต่อการติดต่อกับบริษัทนั้นได้โดยตรง โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ค่ะ https://www.at-once.info/th/package/cp/ppm-pack ออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์

7 เทรนด์สีมาแรงในปี 2023 ที่ช่วยเพิ่มภาพลักษณ์แบรนด์สินค้าให้ขายดี
  • 09-03-23
  • 383

นักออกแบบ เจ้าของแบรนด์สินค้า บริการออกแบบและผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ ผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ ออกแบบผลิตภัณฑ์แบบมินิมอล ออกแบบผลิตภัณฑ์ ออกแบบโลโก้ At Once บริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ 7 เทรนด์สีมาแรงในปี 2023 ที่ช่วยเพิ่มภาพลักษณ์แบรนด์สินค้าให้ขายดี “เจาะเทรนด์โลก” (Trend Book) โดยนิตยสาร “คิด” Creative Thailand นิตยสารส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ผลักดันเศรษฐกิจไทย ภายใต้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA เป็นการเสนอเทรนด์สี 2023 มาแรงที่เกิดจากกระบวนการรวบรวมความรู้จากหลากหลายสำนักเทรนด์ทั่วโลก มาให้กับผู้คนในทุกสาขาอาชีพ เช่น นักออกแบบ นักการตลาด นักบริหารแบรนด์ เจ้าของแบรนด์สินค้าหรือบริการออกแบบและผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ เพื่อเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของพฤติกรรมผู้บริโภค และเติมเต็มผู้คนสะท้อนผ่านตัวงานสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อแบรนด์ โดยสำหรับผู้ที่สนใจต้องการออกแบบและผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ แน่นอนว่า เทรนด์นี้สามารถตอบโจทย์ในการวางแผนธุรกิจและการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในปัจจุบันและอนาคต เทรนด์สีแห่งปี 2023 มีอะไรบ้าง รู้หรือไม่ว่า สามารถมีผลต่ออารมณ์และการจดจำของเราได้ เนื่องจากสีมีอิทธิพลต่อระบบประสาทของเรา ซึ่งอาจส่งผลต่อการรับรู้ของเราเกี่ยวกับสิ่งต่างๆ ในโลก ซึ่งในปัจจุบันนั้นมีเฉดสีมากมายหลากหลายกันเลยทีเดียว แต่เฉดสีที่มาแรงแซงโค้งและพูดถึงกันมากที่สุดภายในปีนี้ คือ “Pantone” งั้นเรามาดูกันว่าจะมีสีอะไร และในแต่ละสีนั้นเป็นสีที่เราคิดไว้ในใจด้วยรึป่าว 1. Elfin Yellow: สีเหลืองอ่อน สำหรับคนที่เบื่อตามกระแส และต้องการเลือกใช้สินค้าที่ให้ความสบายใจมากกว่าสีสันที่ฉูดฉาด แน่นอนว่าเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนกลุ่มนี้อย่างแน่นอน ด้วยการออกแบบภายใต้แนวคิด Minimalism ยังคงถูกจัดให้เป็นเทรนด์ระยะยาว ควบคู่กับการทำธุรกิจเพื่อความยั่งยืน เพื่อให้ได้ผลงานที่สวยงามและตอบโจทย์การใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยใช้สีเหลืองอ่อน เนื่องจากเป็นสีที่เงียบสงบและสะดวกต่อการใช้งาน สีเหลืองอ่อนยังเป็นสีที่มีความหมายเช่นเดียวกับสีเหลืองทั่วไปที่แสดงถึงความสดใสและความร่าเริง ทำให้เหมาะสำหรับการใช้ในการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความเป็นมาตรฐานและมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยได้เป็นอย่างดีค่ะ 2. Golden Apricot: สีส้มแอปริคอต เป็นสีส้มที่มีเฉดสีอ่อนๆ สะท้อนความอบอุ่นและความสุข มักใช้ในงานแต่งงานหรืองานเลี้ยงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความรักและความสุขสันต์ด้วยกัน เนื่องจากปี 2023 เป็นปีที่คนรุ่นใหม่จะก้าวข้ามอุปสรรคความคิดสร้างสรรค์จากอดีต โดยเฉพาะนวัตกรรมยุค ‘80s หรือแฟชั่นสไตล์เรโทรที่เข้ามาผสานกับความทันสมัยในยุคดิจิทัล ดังนั้นการใช้สีส้มแอปริคอตในการออกแบบผลิตภัณฑ์ อาจจะเป็นการเชื่อมโยงกับความเป็นมาของเรา หรือเป็นการเน้นถึงความสำคัญของการรักษาความทรงจำและเชื่อมโยงกับอดีตของเรา 3. Lime Green: สีเขียวมะนาว เป็นเทรนด์เฉดสีที่มีความเปล่งประกายในวงการนักออกแบบ โดยเฉพาะครีเอเตอร์ดิจิทัลที่สร้างสรรค์ผลงาน โดยเฉดสีนี้มีความสดใส อาจเป็นผลมาจากการผสมผสานระหว่างสีเขียวอ่อนและสีเหลืองอ่อน สีเขียวมะนาวเป็นสีที่แสดงถึงความมีชีวิตชีวา เหมาะสำหรับใช้ในการออกแบบงานเว็บไซต์ งานออกแบบโลโก้ และงานด้านการตลาด สีเขียวมะนาวมักจะใช้เป็นสีพื้นหลังหรือเป็นสีหลักของงานออกแบบเพื่อเพิ่มความสดใสและเปล่งประกายให้กับผลงานด้วยกัน สำหรับสำนักเทรนด์ WSGN กล่าวว่า เฉดสีเขียวมะนาว เป็นสีที่เชื่อมโยงระหว่างสิ่งแวดล้อม และสุนทรียภาพบนโลกดิจิทัลของ Gen Z จึงได้ปรับความสดชื่นที่ดูสนุกด้วยสีเขียวมะนาวให้มีความสดใส ซาบซ่า และสีเขียวแอปเปิ้ลมิ้นท์ ซึ่งเป็นตัวแทนของสีพาสเทล ที่ให้ความอ่อนโยน และเป็นตัวแทนของการมองโลกในแง่ดีนั่นเอง 4. Deep Lake: สีเขียวอมฟ้า เป็นสีที่ให้ความรู้สึกเป็นความเย็นสบายและเป็นสีที่ถูกนำมาใช้ในการออกแบบภายใต้แนวคิดของความเป็นสมดุลและความสง่างามในธรรมชาติ หรือในการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ต้องการให้ผู้ใช้รู้สึกสงบๆ และผ่อนคลาย มีความใกล้ชิดได้ดีกับธรรมชาติ ด้วยความสามารถในการผสมผสานได้อย่างลงตัว และมีความลงตัวต่อกันอย่างสมบูรณ์ ทำให้สีนี้เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการออกแบบในหลายสาขาอุตสาหกรรมต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ดึงดูดความสนใจ และมีความทันสมัย อีกทั้งยังดูมีความลึกลับ และหรูหราได้ในเฉดเดียว 5. Scarlet Sage: สีแดงก่ำ พัฒนามาจากกลุ่มสี Artisanal Red ในปี 2022 โดยคาดว่าเฉด Scarlet Sage จะเป็นเฉดสีหลักในฤดูร้อนปี 2023 โดยตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการกระตุ้นอารมณ์ด้วยสีสัน การเติมพลัง และความหลงใหล นอกจากนี้กลุ่มสีแดงนี้ยังเป็นสีที่ถูกใช้เชื่อมโยงกับมรดกทางความคิด และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ และยังเป็นตัวกลางที่ใช้ในการสื่อสารทั้งการออกแบบภายนอก-ภายในอาคาร เพื่อสร้างแรงดึงดูด ซึ่งเฉดสีนี้คาดว่าจะได้รับความนิยมในภูมิภาคละตินอเมริกา 6. Phlox: สีม่วงเข้ม ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่โดย NellyRodi โดยใช้แนวคิดดิจิทัล มีความเชื่อมโยงกับโลก Metaverse หรือโลกเสมือน โดยเฉดสีนี้เป็นการนำเอาความทันสมัยของโลกดิจิทัลมาออกแบบสี เป็นสีที่มีความเป็นกลาง ทั้งอบอุ่นและเย็น และมีความหมายเกี่ยวกับความศรัทธาและความซับซ้อน ซึ่งเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับการเชื่อมโยงกับโลก Metaverse ที่มีความซับซ้อนและความสัมพันธ์กันระหว่างโลกดิจิทัลและโลกที่เป็นจริง 7. Moonless Night: สีดำเทา ถือเป็นสีคลาสสิกมี่ได้รับความนิยมอยู่เสมอ เหมาะกับหลายสไตล์และแนวโน้ม ด้วยความลึกลับและความเย้ายวนของมัน จึงเป็นที่นิยมใช้ในการสร้างความโดดเด่น ความมั่นคง ความอ่อนโยน ตลอดจนให้ความรู้สึกชัดเจน ตรงไปตรงมา เช่นเดียวกับการเน้นใช้สีดำเทาในการออกแบบผลิตภัณฑ์แบบมินิมอล ตลอดจนให้ความรู้สึกชัดเจน ตรงไปตรงมา ดังนั้น การเข้าใจเทรนด์และแนวโน้มจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำให้ได้ในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อให้สามารถปรับเปลี่ยนแผนการสร้างความพึงพอใจและสามารถตอบโจทย์ความต้องการอย่างสูงสุด ทั้งนี้ หากคุณสนใจหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้ามายัง Website At once ของเราได้ เพื่อทำการติดต่อสอบถามการออกแบบกับทางบริษัทผลิตและออกแบบบรรจุภัณฑ์ได้โดยตรง โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ค่ะ การเข้าใจเทรนด์เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในยุคปัจจุบัน เพราะเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การเข้าใจเทรนด์ช่วยให้ธุรกิจหรือองค์กรสามารถปรับตัวได้ตามสถานการณ์และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น https://www.makeprint2u.com/content/5520/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B5-pantone-2020-classic-blue-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%86- https://shopee.co.th/blog/color-trend/

เทคนิคการออกแบบกล่องแพคเกจจิ้งให้มัดใจลูกค้าและช่วยเพิ่มยอดขาย
  • 21-02-23
  • 335

แพคเกจจิ้ง ออกแบบแพคเกจจิ้ง at once กล่องแพ็คเกจจิ้ง packaging เทคนิคการออกแบบกล่องแพ็คเกจจิ้งให้มัดใจลูกค้าและช่วยเพิ่มยอดขาย การออกแบบแพคเกจจิ้งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและหลากหลายมาก โดยปกติแล้วจะต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย เช่น วัตถุประสงค์ของแพคเกจจิ้ง กลุ่มลูกค้า สินค้าหรือบริการที่จะอยู่ในแพคเกจจิ้ง และสไตล์ที่ต้องการสื่อสารให้กับผู้รับ ดังนั้นเทคนิคการออกแบบแพคเกจจิ้งอาจแตกต่างกันไปตามลักษณะของผลิตภัณฑ์ แต่จะได้ผลและยอดเยี่ยมที่สุด คือ เทคนิคที่สามารถสร้างแพคเกจจิ้งมีคุณภาพและนำเสนอข้อความได้อย่างเหมาะสมที่ช่วยให้สามารถออกแบบแพคเกจจิ้งที่ดีได้ วันนี้ทาง at once ของเรา จึงรวบรวมเทคนิคการออกแบบกล่องแพ็คเกจจิ้งให้มัดใจลูกค้าและช่วยเพิ่มยอดขายให้คุณมาฝากค่ะ เทคนิคการออกแบบกล่องแพ็คเกจจิ้ง (packaging) 1. วัตถุประสงค์ของแพคเกจจิ้ง การออกแบบและสร้างแพคเกจจิ้งที่ใช้ในการปกป้องสินค้าหรือสินค้าอื่นๆ ให้มีความปลอดภัยตลอดระยะเวลาการขนส่งและเก็บรักษา โดยมีวัตถุประสงค์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย เช่น สร้างความน่าสนใจและเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้า สื่อสารและสร้างความจดจำ ลดการสูญเสียของสินค้าในระหว่างการขนส่งการจัดเก็บ และช่วยส่งเสริมการขาย เป็นต้น 2. คำนึงถึงกลุ่มลูกค้า กลุ่มลูกค้า หมายถึง บุคคลที่มีลักษณะและพฤติกรรมการซื้อสินค้าหรือบริการที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งมักถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มอายุ เพศ พื้นที่ที่อยู่อาศัย รายได้ ความต้องการ และความสนใจในสินค้าหรือบริการ เป็นต้น ดังนั้น ควรศึกษากลุ่มลูกค้าของผลิตภัณฑ์เพื่อเข้าใจความต้องการและสไตล์การสื่อสารของกลุ่มนั้นๆ เพื่อทำให้แพคเกจจิ้งเหมาะสมและมีความเข้ากันได้กับผู้รับของแพคเกจจิ้ง 3. สินค้าหรือบริการที่จะอยู่ในแพคเกจจิ้ง สามารถเป็นสินค้าหรือบริการใดๆ ที่ต้องการถูกบรรจุเอาไว้ โดยแพคเกจจิ้งอาจจะมีหลากหลายรูปแบบและขนาดขึ้นอยู่กับลักษณะของสินค้าหรือบริการ ดังนั้น การคำนึงถึงสินค้าหรือบริการที่จะอยู่ในแพคเกจจิ้งเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะจะมีผลต่อการออกแบบแพคเกจจิ้ง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและส่งเสริมการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4. สไตล์ที่ต้องการสื่อสารให้กับผู้รับ การคำนึงถึงสไตล์ของแพคเกจจิ้งเป็นสิ่งสำคัญเพราะเป็นส่วนสำคัญในการสื่อสารและสร้างความประทับใจกับผู้รับแพคเกจจิ้ง เพื่อให้เข้ากับเสน่ห์และบุคลิกภาพของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยควรพิจารณาว่าสไตล์ที่เลือกเหมาะสมกับธีมหรือแบรนด์ที่ต้องการสื่อสารให้กับผู้รับอย่างเหมาะสม 5. ใช้สีให้เหมาะสมโดดเด่นน่าสนใจ การเลือกสีที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เพราะสีมีอิทธิพลต่ออารมณ์และพฤติกรรมของผู้รับแพคเกจจิ้ง สามารถช่วยเพิ่มความสวยงามและสร้างบรรยากาศที่ตรงกับสินค้า โดยควรเลือกสีที่ตรงกับแบรนด์และสินค้า และสีที่สื่อถึงความหมายที่ต้องการ เนื่องจากสีสันที่เหมาะสมจะช่วยเติมเต็มความหมายของสินค้าและช่วยเพิ่มความน่าสนใจในผู้รับแพคเกจจิ้ง และช่วยให้กล่องแพ็คเกจจิ้งโดดเด่นขึ้นมา 6. ใช้รูปภาพที่เหมาะสม การใช้รูปภาพที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงในการออกแบบแพคเกจจิ้ง เพราะรูปภาพก็มีส่วนสำคัญในการมีอิทธิพลต่ออารมณ์และพฤติกรรมของผู้รับแพคเกจจิ้ง ซึ่งอาจจะมีผลต่อการตัดสินใจในการซื้อสินค้าหรือบริการ โดยรูปภาพที่ใช้ในแพคเกจจิ้งควรเหมาะสมกับผู้รับแพคเกจจิ้งและสื่อสารความหมายที่ต้องการ อาจจะเป็นรูปภาพสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์หรือตัวแทนของแบรนด์สินค้า หรือรูปภาพที่เกี่ยวข้องกับประโยชน์หรือคุณสมบัติของสินค้าหรือบริการ เพื่อช่วยเพิ่มความมีชีวิตและดึงดูดความสนใจของผู้รับแพคเกจจิ้ง 7. สร้างภาพจำให้ลูกค้า ภาพจดจำของแบรนด์สินค้าเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะผู้ซื้อสินค้าจะต้องตัดสินใจว่าจะเลือกซื้อสินค้าจากแบรนด์ใดโดยการพิจารณาจากภาพของแบรนด์และแพคเกจจิ้ง เมื่อสินค้าวางอยู่บนชั้นสินค้ามากมายหลายชิ้น หากเมื่อพูดชื่อแบรนด์สินค้าของคุณ ลูกค้าก็จะนึกถึงกล่องแพคเกจจิ้งได้ทันที เพื่อให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ผลของการออกแบบแพคเกจจิ้งต่อยอดขายไม่ใช่เรื่องที่แน่นอนทุกครั้งเสมอไป ซึ่งมีปัจจัยหลายอย่างที่มีผลต่อยอดขายร่วมด้วยเช่นกัน รวมถึงคุณภาพของสินค้า เสนอราคา และยังมีการตลาดอื่นๆ ที่มีผลต่อยอดขาย ดังนั้นการออกแบบแพคเกจจิ้งที่ดียังถือเป็นสิ่งสำคัญ แต่ควรพิจารณาความสัมพันธ์ที่ถูกต้องและคล้ายคลึงกันระหว่างแพคเกจจิ้งและยอดขายโดยละเอียดก่อนการตัดสินใจ https://www.bkkpaperbox.com/content/17549/5-%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%87-%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%B5

บรรจุภัณฑ์มีกี่ประเภท อะไรบ้าง
  • 20-02-23
  • 845

บรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์กระดาษ บรรจุภัณฑ์พลาสติก บรรจุภัณฑ์โลหะ บรรจุภัณฑ์แก้ว บรรจุภัณฑ์ไม้ กล่องลูกฟูก แผ่นกระดาษลูกฟูก บรรจุภัณพ์อาหาร แก้วกระดาษ ถ้วยกระดาษ กล่องข้าว ถาดรองแก้วกาแฟ พลาสติกบรรจุภัณฑ์ Packaging บรรจุภัณฑ์มีกี่ประเภท อะไรบ้าง บรรจุภัณฑ์ หรือ Packaging มีหน้าที่ในการห่อหุ้มป้องกัน รักษาคุณภาพสินค้า เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ข้างในให้คงสภาพเดิมไว้ โดยการช่วยรักษาคุณภาพและต้องสะดวกในการขนส่งผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค จึงทำให้บรรจุภัณฑ์มีบทบาทสำคัญต่อการทำธุรกิจทุกประเภท เพราะนอกจากใช้เพื่อการขนส่งจากแหล่งผลิตหรือจำหน่ายไปยังผู้บริโภค ยังสามารถช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นระหว่างเคลื่อนย้าย เช่น กล่องลูกฟูก แผ่นกระดาษลูกฟูก หรือบรรจุภัณพ์อาหาร และเครื่องดื่ม ซึ่งบรรจุภัณฑัเหล่านี้ ถือเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ทำให้สินค้าโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่งได้ ประเภทของบรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ ในแต่ละประเภทที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภท ซึ่งในแต่ละประเภทมีลักษณะการใช้งานและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ดังต่อไปนี้ 1. บรรจุภัณฑ์กระดาษ บรรจุภัณฑ์จากกระดาษ ถูกผลิตขึ้นมาจากเยื่อกระดาษชนิดต่างๆ นิยมใช้กันมากและยังมีคุณสมบัติแตกต่างกัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพของกระดาษที่นำมาใช้ ซึ่งวัสดุที่นำมาผลิต ได้แก่ เยื่อกระดาษซึ่งมีทั้งเยื่อกระดาษคุณภาพ สำหรับบรรจุภัณพ์อาหารและเครื่องดื่ม เช่น แก้วกระดาษ ถ้วยกระดาษ กล่องข้าว ที่สามารถย่อยสลายได้ ส่วนเยื่อกระดาษรีไซเคิล ได้แก่บรรจุภัณฑ์ประเภท กล่องลูกฟูก ถาดไข่ และถาดรองแก้วกาแฟ เป็นต้น 2. บรรจุภัณฑ์พลาสติก บรรจุภัณฑ์พลาสติก เป็นประเภทที่ทุกคนต่างเคยพบเห็นและใช้งานมาแล้ว โดยจะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ พลาสติกคงรูป และพลาสติกอ่อนตัว ทั้ง 2 ประเภท มีการนำมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ มากมาย เช่น ขวดพลาสติก ถ้วยและถาดพลาสติกบรรจุภัณฑ์ ปัจจุบันบรรจุภัณฑ์พลาสติกยังใช้ประโยชน์ได้เอนกประสงค์สามารถบรรจุอาหารร้อน อาหารสด และอาหารแช่แข็งได้ สำหรับตัวบรรจุภัณฑ์พลาสติกนั้นส่วนมากจะทำมาจากพลาสติกที่แบ่งออกได้เป็น 7 ด้วยกัน ได้แก่ • พลาสติกโพลีเอทิลีนเทอพาทาเลท • พลาสติกโพลีเอทิลีนชนิดความหนาแน่นสูง • พลาสติกโพลีไวนิลคลอไรด์ • พลาสติกโพลีเอทิลีนชนิดความหนาแน่นต่ำ • พลาสติกโพลีโพรพิลีน • พลาสติกโพลีสไตรีน 3. บรรจุภัณฑ์โลหะ บรรจุภัณฑ์โลหะ เป็นบรรจุภัณฑ์ชนิดเก่าแก่ มีความแข็งแรงมากที่สุด และยังมีความสามารถในการคงทนต่อปัจจัยอื่นๆเช่น สภาพอากาศ แมลง และสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ ทำให้มีอายุการใช้สูงและยาวนาน มักพบเห็นได้บ่อยครั้งในสินค้าจำพวก เครื่องดื่มกระป๋อง อาหารสำเร็จรูป ถังหูหิ้ว หลอดเครื่องสำอาง อลูมิเนียมฟอยล์ หรืออลูมิเนียมแผ่นเปลว และกระป๋องฉีดพ่นต่างๆ เป็นต้น 4. บรรจุภัณฑ์แก้ว บรรจุภัณฑ์แก้ว ถูกผลิตขึ้นมาโดยผ่านกระบวนการความร้อน เนื่องจากมีความสวยงาม มีความใส และทำเป็นสีต่างๆ ได้ง่ายมาก แต่เนื่องจากความที่เป็นแก้วจึงทำให้สามารถแตกหักได้ง่าย ดังนั้น ไม่นิยมนำไปใช้เป็นบรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่งสำหรับบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้ จำเป็นที่จะต้องใช้คู่กับเยื่อกระดาษขึ้นรูป หรือ กระดาษรังไข่ เพื่อการป้องกันการแตกร้าว บรรจุภัณฑ์แก้วที่นิยมผลิตและใช้กันมีอยู่ 3 สี คือ • สีใส - นิยมใช้กันมากและใช้กันทั่วไป เช่น ขวดแก้ว ขวดน้ำหอม ขวดน้ำพริก ขวดแยม และอื่นๆ • สีอำพัน - นิยมใช้ทำขวดยา และขวดเบียร์ ซึ่งเป็นสีที่สามารถป้องกันการเกิดปฏิกิริยาเวลาถูกแสงแดดหรือความร้อนได้ • สีเขียว – นิยมใช้กับพวกเครื่องดื่ม ซึ่งมีลักษณะจะคล้ายกับสีอำพัน 5. บรรจุภัณฑ์ไม้ วัสดุประเภทเป็นวัสดุจากธรรมชาติ สามารถถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ไม่เนื้ออ่อนและไม่เนื้อแข็ง ส่วนไม้ที่นิยมนำมาทำเป็นบรรจุภัณฑ์ ได้แก่ ไม้เบญจพรรณ ไม้อัด ไม้แผ่น และเส้นใยไม้ เป็นต้น สามารถย่อนสลายได้ตามธรรมชาติ เป็นวัสดุบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้แล้วสามารถปลูกทดแทนได้ แต่นิยมทำเป็นบรรจุภัณฑ์สินค้าขายส่งมากกว่าบรรจุภัณฑ์สำหรับบรรจุสินค้าขายปลีก อีกทั้ง บรรจุภัณฑ์ไม้ ยังสามารถใช้ทำเป็นบรรจุภัณฑ์ได้หลากหลายรูปแบบ ลักษณะของไม้ที่ใช้ทำบรรจุภัณฑ์ ได้แก่ • ไม้จริง เช่นไม้ยางพาราหรือไม้เนื้อแข็ง • ไม้อัด เป็นแผ่นบาง ๆ จากไม้ซุง แล้วนำมาติดกาวให้เป็นเส้นใย จากนั้นอัดด้วยความร้อน • แผ่นชิ้นไม้อัด ทำมาจากเศษชิ้นไม้มาสับอัดติดกันให้เป็นแผ่นด้วยกาว • แผ่นใยไม้อัด นำเศษไม้มาย่อยเป็นเส้นใยแล้วนำมาทำแผ่นใหม่ ทั้งนี้ การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ นอกจากช่วยในเรื่องการขนย้ายป้องกันความเสียหายจากการกระแทก การออกแบบบรรจุภัณฑ์ยังมีผลทำให้แบรนด์สินค้าได้รับความสนใจได้ หากเลือกใช้ กล่องกระดาษ กล่องลูกฟูก หรือบบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มให้เหมาะกับสินค้า จะเห็นได้ว่า บรรจุภัณฑ์ในแต่ละประเภทนั้นจะทำหน้าที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึง คือ การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ให้ตรงกับโจทย์การใช้งานในแต่ละชนิดนั้น เพื่อสามารถช่วยยืดอายุการเก็บรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ยาวนานขึ้น ส่งผลให้เมื่อถึงมือผู้บริโภคจะอยู่ในสภาพที่ดี ช่วยลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นอีกด้วย https://thaifoodpackaging.com/blog/what-types-packaging/ https://www.hongthai.co.th/th/5-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%97%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B9%8C-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9C%E0%B8%B9/

เทคนิคในการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ยังไงให้ยอดขายปัง
  • 20-02-23
  • 282

บรรจุภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ สินค้า Packaging เทคนิคในการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ยังไงให้ยอดขายปัง กลยุทธ์สำหรับการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ของผู้ประกอบการ สิ่งที่ควรคำนึงเป็นอันดับต้นๆ นั้นก็คือ ความสามารถในการตอบโจทย์ของกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่กับความต้องการของผลิตภัณฑ์อย่างไร หากตอบโจทย์ความต้องการ เชื่อได้เลยว่า ทางผู้บริโภคก็ยินดีที่จะพร้อมจ่ายเงินทันทีแถมยินดีจ่ายเพิ่มขึ้นกว่าเดิม หากบรรจุภัณฑ์น่าใช้ เทคนิคในการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ (Packaging) 1. รู้จักกลุ่มเป้าหมาย ก่อนที่จะเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ สิ่งแรกที่ผู้ประกอบการต้องรู้ คือ การรู้จักกลุ่มเป้าหมาย เพื่อที่จะมีส่วนช่วยอย่างมากในการออกแบบและดีไซน์บรรจุภัณฑ์เพื่อให้ดึงดูดให้กลุ่มเป้าหมายมาซื้อสินค้า โดยผู้ประกอบการจะต้องรู้จักและศึกษาความต้องการของลูกค้า เช่น รสนิยม พฤติกรรมการซื้อ ปริมาณการซื้อ วิธีการนำไปใช้ วิธีเก็บรักษา เป็นต้น เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการออกแบบหรือเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้านั่นเอง 2. คำนึงถึงคุณภาพที่ดี การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์สำหรับผู้ประกอบการต้องคำนึงถึงเรื่องของคุณภาพเป็นสำคัญ เพื่อให้ตอบโจทย์ในการใช้งานตาม คุณสมบัติที่ระบุไว้ได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็น การคัดเลือกวัตถุดิบ กระบวนการออกแบบ กระบวนการผลิต หรือการตรวจสอบและทดสอบผลผลิต เพื่อสร้างคุณภาพและป้องกันการเกิดตำหนิแก่ผลิตภัณฑ์ เป็นต้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้มามีคุณภาพและราคาที่เหมาะสม คุ้มค่าต่อการบริโภคของลูกค้า ผลิตภัณฑ์ไม่มีอันตรายทั้งต่อทั้งผู้ใช้และต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งผู้ใช้สามารถใช้งานผลิตภัณฑ์ได้ตามที่ต้องการ เพราะการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ด้อยคุณภาพ อาจทำให้ผลิตภัณฑ์เกิดความเสียหายได้ และในทางกลับกันบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ก็สามารถช่วยรักษาคุณภาพผลิตภัณฑ์ไว้ได้ ฉะนั้นในบางครั้งบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพ อาจจะต้องมาพร้อมกับราคาที่สูงขึ้นนั่นเอง 3. บรรจุภัณฑ์สามารถส่งเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ การคำนึงของภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วยว่าอยากให้เป็นไปในทิศทางไหน จะช่วยให้บรรจุภัณฑ์ส่งเสริมภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ ดังนั้นในการออกแบบหรือเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ต้องให้ตรงตามจุดประสงค์ของแบรนด์มากที่สุด เช่น แบรนด์ของผู้ประกอบการจับตลาดลูกค้าในกลุ่มพรีเมียม ฉะนั้นบรรจุภัณฑ์ก็ต้องออกแบบให้ดูพรีเมียมสอดคล้องไปกับแบรนด์ อีกทั้ง ยังต้องบอกถึงจุดขายหรือจุดเด่นของสินค้าได้อย่างชัดเจน และสามารถดึงดูดใจลูกค้าได้ตั้งแต่แรกเห็น เพื่อตรงจุดประสงค์ของแบรนด์มากที่สุด 4. บรรจุภัณฑ์ต้องได้มาตรฐาน การเลือกใช้ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ผ่านการรับรอง มีมาตรฐาน มีคุณภาพ ได้มาตรฐานที่กําหนด มีความปลอดภัยในการอุปโภคบริโภค มีประสิทธิภาพในการใช้งาน มีคุณภาพสมราคา และมีความน่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) ที่แสดงถึงหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิต กระบวนการผลิตที่ดีมีความปลอดภัยและมีคุณภาพได้มาตรฐานทุกขั้นตอน HACCP (Hazard Analysis and Critical Control Point) ที่แสดงให้ถึงความปลอดภัยของบรรจุภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค เนื่องจากระบบ HACCP เป็นระบบที่ถูกออกแบบมาเพื่อควบคุมอันตราย ณ จุด หรือขั้นตอนการผลิตที่อันตรายเหล่านั้น ที่สามารถมีโอกาสเกิดขึ้นได้ จึงสามารถประกันความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ได้ ISO 9001: 2015 หรือมาตรฐานบริหารคุณภาพสากลที่ทั่วโลกยอมรับ และ BRC (British Retail Consortium Standard for Food Packaging) มาตรฐานการรับรองระบบสำหรับกลุ่มบริษัทธุรกิจที่ผลิตบรรจุภัณฑ์ เพื่อใช้ในการผลิตสินค้าให้กับบริษัทค้าปลีก เป็นมาตรฐานที่ขอบข่ายมุ่งเน้นในด้านคุณภาพ สุขลักษณะ และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ ตลอดกระบวนการผลิตบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น 5. บรรจุภัณฑ์ต้องตอบโจทย์การใช้งาน ในการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ ไม่เพียงแต่จะต้องมีรูปลักษณ์ที่ดี สวยงามน่าใช้แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงเลยก็คือ ควรตอบโจทย์การใช้งานที่เหมาะสมด้วย โดยดูจากลักษณะของตัวสินค้าและการใช้งานเป็นสำคัญ เช่น บรรจุภัณฑ์ต้องสามารถดูแลสินค้าด้านในได้อย่างเหมาะสม หรือออกแบบมาให้สะดวกและง่ายต่อการใช้งาน อีกทั้งยังต้องมีความคงทน มีคุณภาพที่ดี มีความแข็งแรง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายระหว่างการขนส่ง ดังนั้น ในการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ อาจต้องคำนึงถึงวิธีการขนส่ง หรือระยะทางการขนส่ง รวมเข้าไปด้วย 6. ราคาของบรรจุภัณฑ์ เรื่องของราคาบรรจุภัณฑ์ เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึงอย่างมาก โดยต้องอยู่ในราคาที่เหมาะสมกับต้นทุนของธุรกิจ ราคาต้องไม่แพงจนเกินไป เพราะยิ่งต้นทุนสูง กำไรที่ได้ก็จะน้อยลง แต่ถ้าผู้ประกอบการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ราคาถูกมากๆ จนไม่ได้คุณภาพ ก็อาจจะสร้างความเสียหายให้กับสินค้าและภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้เช่นกัน ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่สามารถกล่าวได้ว่า ราคาบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมควรอยู่ที่เท่าไร เพราะขึ้นอยู่กับตัวสินค้าและธุรกิจของแต่ละคน ที่จะต้องวิเคราะห์หาต้นทุนของบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมของตนเอง ทั้งหมดนี้ ถือเป็นเทคนิคในการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่สำคัญและไม่ควรละเลย เพราะบรรณจุภัณฑ์นั้นถือเป็นส่วนหนึ่งของทางผลิตภัณฑ์ ที่มีหน้าที่ไม่เพียงแต่จะช่วยปกป้องสินค้าได้แล้ว ยังสามารถช่วยเพิ่มโอกาสทางการขายสินค้าได้อีกช่องทางหนึ่งเช่นกัน https://www.smeone.info/posts/view/345 https://www.revomed.co.th/knowledge/%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B8%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B9%8C%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%84%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B5/