ค้นหา
เร่งคลี่คลายปัญหาขาดแคลนตู้สินค้า

เร่งคลี่คลายปัญหาขาดแคลนตู้สินค้า

ปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลนทั่วโลก ซึ่งยึดเยื้อมาตั้งแต่วิกฤติโควิด-19 ทั้งยังตอกย้ำด้วยวิกฤติเรือ Ever Given ของสายการเดินเรือ Evergreen ซึ่งได้ประสบอุบัติเหตุ เกยตื้นขวางคลองสุเอซ ส่งผลให้การขนส่งทุกสาย หยุดชะงัก จึงเกิดความเสียหายเป็นมูลค่ามากมายมหาศาลนับเป็นวิกฤติการณ์ที่เกิดจากหลายวิกฤติการณ์รวมกัน ซึ่งเป็นปัญหาที่ใหญ่มากสำหรับวงการค้าและการขนส่ง เมื่อ 80% ของการขนส่งทั่วโลกเป็นการขนส่งสินค้าทางเรือ เนื่องจากเป็นรูปแบบการขนส่งที่ใช้ต้นทุนต่ำแต่กลับกลายเป็นต้นทุนที่สูงขึ้นทุกที และ มีแนวโน้มที่จะทรงตัวในระดับสูงไปจนถึงปลายปี 2564

ever given
ขอบคุณภาพจาก :  THE STANDARD

สาเหตุหลักมาจากการระบาดของโรค Covid-19 ในแต่ละประเทศ ส่งผลให้มีมาตรการที่ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก แรงงานขาดแคลน ตลอดจนความต้องการสินค้านำเข้าในสหรัฐอเมริกาและยุโรป มีมากกว่าการส่งออก จึงเกิดการตกค้างของตู้คอนเทนเนอร์เปล่า ซึ่งส่งผลกระทบต่อเนื่องไปถึงต้นทุนการขนส่งที่เพิ่มขึ้น จากการแบกรับค่าขนส่งตู้เปล่ากลับมายังประเทศต้นทาง และเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมานั้น ได้เกิดอุบัติเหตุเรือขนส่งสินค้า Evergreen ซึ่งบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์กว่า 20,000 TEUs เกยขวางคลองสุเอซ ซึ่งเป็นเส้นทางสัญจรทางน้ำที่สำคัญ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ทางเดินเรือจากทวีปยุโรปไปยังทวีปเอเชียและแอฟริกาฝั่งตะวันออกได้สั้นที่สุด ทำให้เพิ่มระยะเวลาการคอคอยในการขนส่งสินค้าให้ยาวนานออกไปอีกนับสัปดาห์ เกิดความเสียหายไปทั่วโลกมูลค่ามหาศาล ตอกย้ำการรอคอยตู้คอนเทนเนอร์ที่เป็นปัญหาดั้งเดิมอยู่แล้ว ให้ย่ำแย่ลงไปอีก แต่อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชน รวมถึงภาครัฐของแต่ละประเทศ ก็ได้ออกมาตรการเพิ่มแก้ไขวิกฤติการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศจีนที่เริ่มผลิตตู้คอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้นในเดือนตุลาคม 2563 และ ได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 111.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ในเส้นทาง East-West ในอนาคตมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

มาตรการในการแก้ปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์

 ในส่วนของภาครัฐของประเทศไทยก็ได้ออกมาตรการในการแก้ปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ โดยมีแนวทาง ดังต่อไปนี้

  1. ให้ท่าเรือกรุงเทพปรับลดค่าภาระตู้สินค้าเปล่าขาเข้าผ่านท่าเรือกรุงเทพในอัตรา 1,000บาทต่อทีอียู เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2564 รวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเป็นจำนวน 5.28 ล้านบาท
  2. ให้ท่าเรือแหลมฉบังชดเชยค่ายกขนตู้สินค้าให้แก่เอกชน ผู้ประกอบการนำเข้าที่ท่าเรือแหลมฉบัง โดยจ่ายส่วนลดคืนในอัตรา 1,000 บาทต่อทีอียู เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2564 รวมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเป็นเงิน 384 ล้านบาท รวม 2 รายการเป็นเงินทั้งสิ้น 389.29 ล้านบาท 

และเนื่องจากประเทศไทยเองก็ประสบปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ รวมถึงอัตราค่าระวางเรือที่เพิ่มสูงขึ้นเท่าตัวตั้งแต่ปีก่อน จึงต้องรีบเร่งประเมินความคุ้มค่าในการดำเนินการและประโยชน์ที่ผู้ประกอบการส่งออกรายย่อยได้รับ รวมทั้งให้หาข้อสรุปแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในการดำเนินการโดยการท่าเรือ ได้เสนอแนวทางดังกล่าว เพื่อให้ทางกระทรวงคมนาคมพิจารณาเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์

ที่มา: www.bkkterminal.com

แชร์บทความ หรือข่าวสาร

Facebook
Line
Mail